วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ยาสามัญประจำใจ

เตรียมชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นเอาไว้ก่อน เพราะมีดมันคงไม่ส่งรายงานการบาดมาให้เราก่อนแน่นอน ขณะที่หินโสโครกในทะเลก็ไม่มีการแจ้งเตือนอุบัติเหตุแต่อย่างใด ดังนั้นถ้าป้องกันเหตุไม่ได้ เราก็แก้ไขด้วยการเยียวยากันดีกว่า



ยาแก้ปวด
ก็ถูกใช้บริการได้บ่อยในสถานการณ์ต่างๆ แต่ถ้าใครเป็นโรควัยรุ่นอย่าง ไมเกรน ก็พกยาแก้ปวดไมเกรนติดตัวไปด้วยนะ

ยาแก้ท้องเสีย
เป็นยาที่ถือว่าขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะเมื่อหนุ่มๆ ออกไปต่างถิ่น ลิ้มรสชาติอาหารแปลกๆ แตกต่าง ก็มีโอกาสที่ท้องเราเกิดอาการแปรปรวนป่วนปั่นได้ง่ายเหลือเกิน แล้วด้วยเหตุผลต่างถิ่นอีกนั่นล่ะ จะวิ่งไปซื้อยาแก้อาหารเป็นพิษ ก็คงเสียน้ำในร่างกายไปพอสมควร ดังนั้นติดตัวไว้ก่อนเป็นดีที่สุด พกควบคู่ไปกับเกลือแร่ ก็จะยิ่งครบทั้งการรักษา + เยียวยา ได้เลย

ยาสามัญประจำใจ



ยาสามัญประจำใจ

ยาใส่แผล
เช่น ยาแดงหรือทิงเจอร์ไอโอดีน จะเป็นขั้นตอนต่อไป ลองพกขวดเล็กๆ สักขวดคู่กับสำลีและพลาสเตอร์ปิดแผล ก็สบายใจได้แล้ว


ครีมกันแดด
เป็นผู้ชายก็ต้องทาครีมกันแดดนะ เพราะความอ่อนไหวของผิวหน้าไม่เกี่ยวกับความแข็งแรงของร่างกายแต่อย่างใด ดังนั้นหนุ่มกล้ามบึ้กก็หน้าใหม้เพราะแดดอ่อนๆ ได้ ดังนั้นก่อนออกแดดลองเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิว สภาพแดดที่เจอด้วยนะครับ

ยาหม่อง
ใช้แก้ปัญหาได้หลายทางมาก อย่างเมื่อเวลาปีนเขาเหนื่อยก็ดมให้หายใจสดชื่น ยุงหรือแมลงกัดต่อยก็ทาบรรเทาได้ หกล้มฟกช้ำดำเขียวก็ทาสมานไปได้อีก เป็นการตอบโจทย์การปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ดีทีเดียว



แอลกอฮอล์
สิ่งสำคัญเมื่อต้องการฆ่าเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นการปริจากของมีคม การถลอกต่างๆ การเทแอลกอฮอล์ไปบริเวณรอบๆ แผล แม้จะสร้างความแสบสุดสะดุ้ง แต่ก็เป็นการเร่งฆ่าเชื้อโรคได้เป็นอย่างดีเช่นกัน หวังว่าหนุ่มอกสองศอกครึ่งอย่างพวกเราคงไม่กลัวนะ

from dekd.com

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สอบเส็ด

วันนี้สอบมิดเทอมเส็ดแล้ว
ยาก..หาย
ไม่รุสึกโล่งเท่าไหร่เล้ย
แต่ยังไงก้ยังได้พักผ่อนยาวๆหน่อย
เปิดไปก้ต้องเจอกะภาระ
เรียน ทำงาน เฮ้อ
เหนื่อย

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เตือนภัย : มิจฉาชีพในคอนเสิร์ต

แน่นอนว่าที่ไหนที่มีผู้คนรวมตัวกันอยู่มากๆ ที่นั่นย่อมจะมี “มิจฉาชีพ” แฝงตัวอยู่ด้วย ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจขาลงแบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ เหล่ามิจฉาชีพก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหลายๆ ครั้งที่มีการจัดคอนเสิร์ตถึงได้เกิดเหตุการณ์ทรัพย์สินมีค่าหาย โดยที่เจ้าตัวเองไม่ทราบเลยว่าของหายตั้งแต่เมื่อไหร่ และหายเพราะเหตุผลอะไร 'ทำตก' หรือ 'ถูกล้วงกระเป๋า'

ส่วนใหญ่แล้วทรัพย์สินที่หายนั้นจะเป็น กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้มิจฉาชีพเลือกที่จะแฝงตัวมา




หากินในงานคอนเสิร์ตนั้น อาจจะเนื่องมาจากโดยปกติแล้วบรรยากาศของการจัดแสดงดนหรือหรือคอนเสิร์ตนั้นจะมีเสียงค่อนข้างอึกทึกและมีผู้คนค่อนข้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นคอนเสิร์ตแบบอินดอร์ที่มีการเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ในที่แคบ ทำให้เป็นโอกาสที่มิจฉาชีพทำการ 'ล้วง' หรือ 'กรีด' กระเป๋าของเหยื่อได้โดยเหยื่อไม่รู้ตัว

เหตุการดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศไทยเท่านั้น ... เมื่อวานนี้พี่เหมี่ยวได้อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ โดยข่าวดังกล่าวเป็นรายงานข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับการแฝงตัวของมิจฉาชีพในคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ


เตือนภัย : มิจฉาชีพในคอนเสิร์ต



โดยหัวหน้าหน่วยคดีอาญาที่เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือแห่งชาติ (NMPCU) ของอังกฤษ ได้ออกมากล่าวเตือนแฟนเพลงที่ชอบไปดูคอนเสิร์ต ไม่ว่าจัดในสถานที่ในร่มหรือลานกลางแจ้ง และมักนำโทรศัพท์มือถือรุ่นราคาแพง ๆ ที่มีกล้องถ่ายรูปไปบันทึกภาพคอนเสิร์ตเป็นที่ระลึก เสี่ยงถูกแก๊งลักโขมยโทรศัพม์มือถือที่อาศัยช่วงคนเผลอหยิบฉวยเอาไปลอยนวล โดยเหยื่อถูกโขมย บางทีหลงคิดว่าทำหายมือถือหายเอง ก็มีสถิติในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา


ทั้งนี้ภายในสองสัปดาห์ที่ผ่านมาหน่วย NMPCU จับกุมผู้ต้องหา 9 คนได้ ในงานคอนเสิร์ตหลายงาน ในกรุงลอนดอน และยังมีผู้ถูกจับข้อหาโขมยมือถืออีกหลายคดีทั่วประเทศ



from dekd.com

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

สอบบ

จะสอบแล้ว
จะไม่มีเวลามาอัพบลอกแล้วนะ

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ทายใจ : ชีวิตคุณต้องปรับปรุงหรือยังนะ

สมมติว่า..คุณกำลังเปิดประตู

เพื่อเข้าสู่ห้องๆหนึ่งในห้องนั้น

มีโต๊ะอยู่กลางห้อง บนโต๊ะมีเครื่องดื่มอยู่ชนิดหนึ่ง

ภาพในความคิดของคุณ

เกี่ยวกับ 3 สิ่ง ต่อไปนี้เป็นอย่างไร ?






- ประตูห้อง


1. บานใหญ่

2. บานเล็ก

3. เปิดกว้าง

4. เปิดแง้มไว้





- โต๊ะ


1.พลาสติกหรือกระจก

2.โต๊ะไม้กลม

3.โต๊ะไม้สี่เหลี่ยม

4.โต๊ะตัวใหญ่

5.โต๊ะตัวเล็ก






- เครื่องดื่มบนโต๊ะ


1.นมสดแก้วใหญ่

2.ชาอุ่นๆ

3.แชมเปญขวดใหญ่

4.เหล้ากับน้ำแข็ง

5.น้ำเปล่า








:: เฉลย ::








ประตูห้อง หมายถึง ความสัมพันธ์ของคุณ กับ คนรอบตัว หรือ กับสังคม


ประตูบานใหญ่ : คุณเป็น คนรักสนุก ชอบสังคม มีความสามารถในการพูด จนบางครั้ง
เหมือนคนเจ้ากี้เจ้าการ

ประตูบานเล็ก : คุณไม่ชอบ ที่จะเป็นจุดเด่น คุณชอบฟัง มากกว่า พูดถึงตัวเอง

ประตูเปิดกว้าง : ถึงแม้คุณ อาจจะไม่ชอบเข้าสังคม แต่มั่นใจได้ว่า คุณไม่เคยปิดบังอารมณ์
ของตัวเอง ไม่ว่าทุกข์ สุข เศร้า หรือดีใจเพียงใด

เปิดประตูแง้มไว้ : คุณเข้าใจเรื่องราวในโลกนี้ได้ง่าย และคนอื่นก็เข้าใจคุณง่าย
เพราะคุณไม่วางท่า ไม่ปิดบัง แต่เรียบง่าย





โต๊ะ หมายถึง ความรู้สึกของคุณ ที่มีต่อตัวเอง


โต๊ะพลาสติกหรือกระจก : คุณไม่ค่อยพอใจ ในสิ่งที่ตัวเองเป็นนักจึงพยายามเปลี่ยนแปลงรูปโฉม
และวางท่าเวลาอยู่กับคนอื่น เพราะกลัวไม่เป็นที่ยอมรับนั่นเอง

โต๊ะไม้กลม : คุณคิดว่าตัวเองเป็นมิตรกับทุกคนและมีนิสัยเด็ดเดี่ยว คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่
พึ่งพิงของเพื่อน คุณจึงค่อนข้างมีความสุขและผ่อนคลายในแบบที่ตัวเองเป็น

โต๊ะไม้สี่เหลี่ยม : คุณไม่ชอบสังคม และเลือกใช้ชีวิตตามลำพังมากกว่า คุณหวังว่าคนที่เข้ามา
ทำความรู้จักกับคุณจะชอบสิ่งที่พวกเค้า ค้นพบในตัวคุณ และอีกอย่างคุณยัง
ชอบจับผิดตัวเองอีกด้วย

โต๊ะตัวใหญ่ : คุณเป็นสีสันของกลุ่มเพื่อน แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณมีอะไรบางอย่าง
ซ่อนอยู่ในจิตใจคุณที่ปิดบังอยู่ภายใต้รอยยิ้มกว้าง

โต๊ะตัวเล็ก : คุณไม่ชอบเป็นจุดเด่น และชอบที่จะกลมกลืนกับสังคมมากกว่า
คุณไม่ยอมเสียเวลากับมิตรภาพฉาบฉวย และยินดีที่จะมีเพื่อนไม่กี่คน
ที่สนิทแนบแน่นมากกว่าเพื่อนกลุ่มใหญ่สำหรับเฮฮาปาร์ตี้




เครื่องดื่ม หมายถึง สภาพชีวิตของคุณในปัจจุบัน


นมสด : ชีวิตของคุณกำลังดำเนินไปอย่างช้าๆ ด้วยดี มีความสุขตามอัตภาพกับสิ่งที่เป็นอยู่
ลองเพิ่มความทะเยอทะยานอีกนิดก็น่าจะดี

ชาอุ่นๆ : คุณต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่างก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายลง หรือเพื่อให้มันดีขึ้น
ตัวคุณต้องคอยเติมความอบอุ่นให้แก่ชีวิต และเริ่มต้นใหม่อย่างกระฉับกระเฉง
พร้อมมองโลกในแง่ดี

แชมเปญขวดใหญ่ : คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตในตอนนี้ เพราะคุณมีทุกอย่างที่ต้องการ
แล้วคุณรู้สึกดีๆ กับชีวิตอย่างแท้จริง จนใครๆต้องพาลอิจฉา

เหล้ากับน้ำแข็ง : ชีวิตของคุณยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ แต่คุณยังมีพลังชีวิตไว้ต่อสู้กับปัญหาอย่าง
ไม่ท้อถอย

น้ำเปล่า : คุณต้องเร่งทำอะไรสักอย่าง เพื่อเพิ่มสีสันให้กับชีวิตอันมืดมนได้แล้ว
คุณรู้สึกเบื่อชีวิตที่เป็นอยู่มาก มองหากิจกรรมทำ ดีกว่าปล่อยให้วันๆผ่านไป

from dekd.com

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

คนปากไม่ดี ระวังเป็นโรคหัวใจ

ใครที่ชอบเยาะเย้ย ถากถางคนอื่น ระวังจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจเอาได้นะคะ

เพราะจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน พบว่า คนที่มีนิสัยชอบพูดจาถากถางจะมีตัวบ่งชี้อาการอักเสบในเลือด 3 ตัวสูง คือ ไฟบริโนเจน โปรตีนซี-รีแอ็คทีฟ และไอแอล 6

ส่วนคนที่มีความเครียดเรื้อรังจะมีโปรตีนซี-รีแอ็คทีฟ และไอแอล 6 สูง และคนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีไอแอล 6 สูง ซึ่งอาการอักเสบดังกล่าวนี้จะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลอดเลือดตีบ และไม่ยืดหยุ่น ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่ได้ และเป็นโรคหัวใจในที่สุดค่ะ

from kapook.com

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เสียใจ

ได้ยินข่าว อาจารย์สราวุฒิ เสียชีวิตแล้ว
ไม่อยากจะเชื่อ
เพิ่งจะเห็นอาจารย์เมื่อวานนี้เอง
อาจารย์ก็อายุยังน้อยอยู่เลย

น่าเสียดายบุคลากรคนเก่งของภาคบัญชี คณะบริหารธุรกิจ
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

อย่างไรก็ตาม
ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของอาจารย์
และร่วมไว้อาลัยแด่อาจารย์ด้วยนะคะ
ในฐานะลูกศิษย์คนนึงที่เคยได้เรียนกับอาจารย์แป๊ปเดียวเอง

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

อายุเพิ่ม..เติมผิวสวยให้ได้ผล ต้องบํารุงลึกจากภายใน

สถาบันการเรียนรู้และฝึกอบรมอาวียองซ์ อคาเดมี ได้นําความรู้ดี ๆ เพื่อการดูแลผิวแบบองค์รวมมาให้คนรักผิวได้ปฏิบัติ

ภก. ดร.พงศกรพัฒน์ อรุโณทยานันท์ ผู้จัดการฝ่ายฝึกอบรมผลิตภัณฑ์ และอาวียองซ์ อคาเดมี ภาคธุรกิจผลิตภัณฑ์ชั้นสูงของยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า "การดูแลผิวด้วยครีม บํารุงที่ภายนอก อาจไม่เพียงพออีกต่อไป เมื่ออายุที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากครีมบํารุงดูแลได้เพียงผิวชั้นนอก หรือ 1/3 ของผิวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ แนวโน้มในการดูแลผิวในยุคนี้จึงหันมาให้ความใส่ใจแบบองค์รวม คือ การดูแลผิวภายนอก ควบคู่ไปกับการดูแลจากภายใน หรือ Beauty from Within เช่น ดื่มน้ำบริสุทธิ์ การพักผ่อนที่เพียงพอ การทําจิตใจให้ผ่องใส การออกกําลังกาย รวมไปถึงการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

สําหรับผิวพรรณ มีการศึกษาพบสารสกัดจากธรรมชาติอีกหลายชนิดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านอนุมูลอิสระและลดการสร้างเม็ดสีผิวที่หมองคล้ำได้ เช่น สารสกัดจากผลทับทิม สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ ซึ่งการใช้สารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิดร่วมกันมักจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้สารสกัดเพียงชนิดเดียว นอกจากนี้ยังค้นพบว่า สารสกัดจากธรรมชาติบางชนิดยังสามารถ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดใต้ผิวหนัง (Microcirculation) ได้ด้วย เช่น สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์, สารสกัดจากใบแปะก๊วย ที่ช่วยให้เซลล์ผิวได้รับออกซิเจนและอาหารได้เต็มที่ช่วยในการกําจัดของเสียที่คั่งค้างในชั้นผิวออกไปได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวสดใส ไม่หมองคล้ำ ดูมีเลือดฝาด

ทั้งนี้ การรับประทานอาหารเสริมอาจเป็นทางเลือกหนึ่งของคนที่ไม่อยากแก่ก่อนวัย แต่เพื่อความปลอดภัยจําเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอย่างรอบคอบจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ มีเครื่องหมาย อย. และมีการทดสอบ ประสิทธิผลยืนยัน" ภก. ดร.พงศกรพัฒน์ กล่าว

from kapook.com

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ความรู้สึกของฉันที่มีเธออยู่ด้วยกันอีกหนึ่งคนบนโลกใบนี้ (Minute Of Love)

วันที่จับมือกัน เธอกับฉันน่ะลืมบ้างไหมว่าเมื่อไหร่
จำอะไรได้บ้างไหม ว่าสุดท้ายอะไรที่ทำให้ได้พบกัน
แล้วใครรักใครก่อน ไม่รู้ว่าเรารักกันเมื่อไหร่

แต่ความรู้สึกของฉันมันนับจากนั้น บอกกับฉันว่าเธอคนนี้
และนับตั้งแต่นาทีตรงนั้นที่ฉันถึงรู้ว่ารักเธอ

ก็อยากให้รู้ว่านับตั้งแต่วันนั้น ทุกวินาทีของฉัน บอกกับฉันว่าโลกนี้มีเธออยู่
เพราะฉันไม่เคยรู้สึก อะไรมากมายเท่านี้
ก็อยากให้รู้แม้จะอยู่ห่างไกล ถึงแม้จะอยู่ตรงไหน ถ้าโลกนี้นั้นมีแค่ใครสักคนหนึ่ง
ให้คิดถึงกันทุกวัน เธอทำให้หมดคำถามตลอดไป

อยู่ด้วยกัน และอยู่ข้างๆกันบนโลกใบนี้
อยู่ด้วยกัน จะอยู่ข้างๆกัน

ก็อยากให้รู้ว่านับตั้งแต่วันนั้น ทุกวินาทีของฉัน บอกกับฉันว่าโลกนี้มีเธออยู่
เพราะฉันไม่เคยรู้สึก อะไรมากมายเท่านี้
ก็อยากให้รู้แม้จะอยู่ห่างไกล ถึงแม้จะอยู่ตรงไหน ถ้าโลกนี้นั้นมีแค่ใครสักคนหนึ่ง
ให้คิดถึงกันทุกวัน เธอทำให้หมดคำถามตลอดไป

ตลอดไป และจะอยู่ข้างๆกันตลอดไป

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ลดน้ำหนักอย่างไรไม่โทรม

ลดน้ำหนักอย่างไรไม่โทรม (เดลินิวส์)

เชื่อว่าคู่รักส่วนใหญ่ต้องตั้งหน้าตั้งตาฟิตหุ่นให้สมส่วนก่อนถึงวันวิวาห์ บางคนถึงกับลดมื้ออาหารจากปกติ 3 มื้อ เหลือเพียงการรับประทานเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น ซึ่งวิธีดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสมกับการลดหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะไม่เป็นผลดีกับร่างกาย เมื่อถึงวันแต่งงานพลันจะเป็นคู่บ่าว-สาวแสนโทรม ไม่สดชื่นแจ่มใส

การไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก่อนวันสำคัญ คุณผู้อ่านสามารถลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่มีอยู่ในอาหารประเภทข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง น้ำตาล เช่น จาก ปกติรับประทานข้าวมื้อละ 1 จานเต็ม ๆ อาจลดเหลือเพียงแค่ครึ่งจาน หรืออาจเลือกรับประทานข้าวเพียง 1 มื้อต่อวัน ส่วนมื้ออื่น ๆ ที่เหลือให้เน้นผัก ผลไม่ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ปลานึ่ง ทั้งนี้หากรับประทานข้าวแล้วก็ไม่ควรรับประทานก๋วยเตี๋ยวหรือขนมปังในวันเดียวกันอีก

สำหรับประโยชน์จากการลดคาร์โบไฮเดรต จะช่วยให้ร่างกายที่ปกติจะเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานเข้าไปใหม่เป็น อันดับแรก ก็จะหันไปเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายแทน

ส่วนอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างควบคุมน้ำหนัก คือ อาหารทอดน้ำมัน เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ รวมทั้งชา กาแฟ ที่ใส่ครีมปริมาณมาก น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน

นอกจากการใส่ใจเรื่องอาหารการกินแล้ว ยังต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าจะให้เห็นผลควรจัดสรรเวลาออกกำลังกายก่อนวิวาห์อย่างน้อย 4-5 เดือน เช่น การยกเวต เซ็ตละ 15 ครั้ง เพื่อกระชับต้นแขน หรือซิตอัพลดหน้าท้อง เป็นต้น

from kapook.com

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เลือกลิปสติก ให้เหมาะกับตัวเอง

เลือกลิปสติกให้เหมาะกับตัวเอง (เดลินิวส์)

ใครที่ต้องทาลิปสติกเป็นประจำ และไม่รู้ว่าจะเลือกยังไงให้เหมาะกับตัวเอง วันนี้เรามีมาบอกคะ...

ลิปกลอส ช่วยให้ริมฝีปากมันวาว ดูอวบอิ่มขึ้น ลิปกลอสบางชนิดมีสีอ่อนบางดูใส ๆ แต่บางชนิดก็มีสีเข้มให้ริมฝีปากดูวาว ๆ ข้อเสียของลิปกลอส คือ ทาแป๊บเดียวก็หายวาวแล้ว จึงจำเป็นต้องพกไว้เติมบ่อย ๆ

ลิปสติกเนื้อซาตินหรือเนื้อเชียร์ เนื้อแบบนี้ทาออกมาปากจะดูดี เพราะมีมอยซ์เจอไรเซอร์และน้ำมันอยู่มาก เวลาเลือกสีให้สังเกตว่าสีที่อยู่ในแท่งจะดูเข้มกว่าสีที่ทาอยู่บนปาก

ลิปเพนซิลหรือลิปไลเนอร์ ไว้ใช้เขียนขอบปากเพื่อปรับรูปทรงปาก หรือใช้ทาทั้งปากเลยก็ได้ ใช้ร่วมกับลิปสติกเนื้อไหนก็ได้

ลิปสติกเนื้อครีม ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของขี้ผึ้ง จึงไม่ทำให้ปากแห้ง สีติดทนนาน

ลิปสติกเนื้อแมทท์หรือเนื้อด้าน จะมีสีสันสวย แต่เนื้อจะแห้งด้าน ไม่เหมาะกับคนปากแห้ง

รู้อย่างนี้แล้ว ลองหาลิปสติกที่เหมาะกับริมฝีปากของตัวเองมาใช้กันดูได้...

from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ระวังเกิดอาการผีอำขณะเคลิ้มหลับ

ระวังเกิดอาการผีอำขณะเคลิ้มหลับ (ไทยรัฐ)

ผีอำ (sleep paralysis) เป็นอาการของจิตใจแบบหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในขณะกำลังเคลิ้มหลับหรือใกล้ตื่นนอน ในขณะนั้นสภาพจิตใจเริ่มรู้ต้วขึ้นบ้างแต่ยังไม่รู้ตัวเต็มที่ อาจรับรู้ทางหูหรือทางตาได้บ้าง แต่อาจแปลเสียงหรือภาพไปในทางน่ากลัว...

ซึ่งอาจสัมพันธ์กับความฝันที่เกิดขึ้นก่อน อาจเห็นภาพผี ได้ยินเสียงร้องหรือรู้สึกเหมือนมีคนมาจับขา มาฉุดขา ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นตอนนั้น ร่างกายจะไม่สามารถเคลื่อนไหวตามคำสั่งสมองได้ ทำให้รู้สึกตกใจกลัวเพราะเคลื่อนไหวหนีหรือต่อสู้ไม่ได้ รู้สึกอึดอัด บางทีเหมือนมีอะไรมาทับหน้าอกไว้ เพราะเคลื่อนที่ไม่ได้นี่เอง ความรู้สึกเหมือนถูกผีหลอกนี้เองทำให้คนทั่วไปเรียกว่า "ผีอำ"

อาการหมดแรงอย่างสมบูรณ์หรือเพียงบางส่วน ทำให้มีลักษณะเหมือนเป็นอัมพาตทั้งตัว ขยับแขนขาไม่ได้ ลืมตาไม่ได้ พูดไม่ได้ หรือหายใจลึก ๆ ไม่ได้ ในขณะที่รู้สึกว่าตนเองตื่นอยู่ มักจะมีการเห็นภาพหลอน ได้ยินเสียงหลอน หรือฝันร้ายร่วมด้วย ทำให้ตกใจกลัวมากขึ้น คนที่เกิดผีอำมักจะรู้สึกถึงสภาพหมดแรงที่เกิดขึ้นได้ดี ทั้งที่อยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะกำลังจะหลับหรือกำลังจะตื่น และมักจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีเมื่อตื่นขึ้น

ผู้ที่เกิดผีอำครั้งแรกมักจะตกใจกลัวมาก จนรู้สึกเสมือนว่า ตนเองกำลังจะตาย โดยเฉพาะถ้าเห็นภาพหลอนหรือได้ยินเสียงหลอนที่คุกคามชีวิตของตนด้วย เมื่อตกใจตื่นขึ้นในอีกไม่กี่นาทีต่อมา จึงอาจร้องเอะอะโวยวาย ร้องไห้ หอบเหนื่อย หน้าซีด ตัวสั่น หรือแสดงอาการตกใจกลัวอื่น ๆ

ผู้ที่เกิดผีอำมาแล้วหลาย ๆ ครั้งจะไม่ค่อยตกใจกลัว เพราะรู้ว่าอาการดังกล่าวไม่มีอันตรายอะไร และมักเป็นอยู่ชั่วครู่เดียว ไม่เกิน 10 นาที

สาเหตุของอาการผีอำที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังจะหลับ มักจะเกิดจากโรคลมหลับ (narcolepsy) และโรคผีอำตามกรรมพันธุ์ (familial sleep paralysis) อาการผีอำที่เกิดขึ้นในขณะที่กำลังจะตื่น อาจจะเกิดจากโรคลมหลับ หรืออาจจะเกิดในคนที่อดนอนหรือนอนไม่พอมาหลายวัน หรือเข้านอนผิดเวลาได้

อาการผีอำมักเกิดทันทีเมื่อหมดช่วงการหลับแบบตากระตุก จะเป็นอยู่ไม่กี่นาที แล้วค่อย ๆ หายหรือหายทันที เมื่อถูกเรียก ถูกสัมผัส ถูกปลุก โดยใครก็ได้ ผู้ที่เป็นผีอำจะรู้สึกว่าตนนั้นตื่นอยู่ แต่ขยับเขยื้อนไม่ได้ ทั้งที่ตนได้พยายามขยับเขยื้อนแล้ว พยายามตะโกนเรียกให้คนช่วยแล้ว แต่ไม่มีคนได้ยิน เพราะไม่มีเสียงออกมา และเมื่อตื่นขึ้นจะจำเหตุการณ์และเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นได้

อาการที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่าผีอำนั้น แท้ที่จริงคือ ล้มตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้า โดยเฉพาะหลังจากทำงานหรือดูหนังสือ แม้กระทั่งดูโทรทัศน์ เมื่อเรานอนด้วยความล้า ก็เกิดการประสานกันระหว่างสารเคมีกับสภาพชีวเคมีของร่างกาย เกิดอาการทั้งกดทั้งค้าง ทำให้เราขยับเขยื้อนไม่ไหว

ในขณะนั้นเราตื่นอยู่ สมองเราก็ทำงานได้ แต่ร่างกายเรา ขยับเขยื้อนไม่ไหว เหมือนมีคนมาคุมเราอยู่ มาจับเราอยู่ มาตรึงเราอยู่ เราเลยเกิดเชื่อมโยงว่ามีผีมาจับตัวเรา ในที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ผีสางที่ไหน ที่แท้คือความไม่สัมพันธ์กันระหว่างสมองกับร่างกายของเรา ซึ่งเป็นอาการชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นเอง

อาการผีอำเกิดจากการที่กล้ามเนื้อของร่างกาย เข้าสู่ภาวะการหลับที่เรียกว่า REM (Rapid Eye Movement) แต่สมองส่วนที่เป็นจิตสำนึกยังตื่นอยู่ อาการผีอำเป็นอาการที่ร่างกายกับจิตสำนึกหลับไม่พร้อมกัน หรือ ตื่นขึ้นมาไม่พร้อมกัน

ผีอำเป็นสภาวะที่คล้าย ๆ กับการฝัน เพราะขณะที่ถูกผีอำคนคนนั้นจะอยู่ในสภาวะที่ขยับตัวไม่ได้ ในภาวะหลับแบบตากระตุก (REM sleep) จะมีการฝัน กล้ามเนื้อต่าง ๆ จะผ่อนคลายหมด ขยับตัวไม่ได้ ยกเว้นต้องตื่น คำว่าตื่น หมายถึงต้องมีการเขย่าตัวรุนแรง แล้วในช่วงเวลานั้นถ้ามีสิ่งเร้าอะไรที่มาทำให้ไม่สบาย เช่น อาจจะมีหมอนข้างมาวางอยู่บนตัวหรือขา หรืออาจจะนอนในท่าที่ไม่สบายนัก ก็จะมีการแปลภาวะนั้นเป็นความไม่สบาย แล้วบางทีก็ไปผูกเรื่องกับความฝัน ทำให้อยากจะออกจากสถานการณ์นั้น แต่ว่าทำไม่ได้เพราะกล้ามเนื้อมันคลายไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นในภาวะอย่างนั้น ก็จะเป็นสภาวะที่รู้สึกเหมือนกับว่าใครมากดทับ เป็นสภาวะที่หลีกหนีไปไม่ได้ แต่สักพักหนึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง

อาการอึดอัดหายใจไม่ออก ขยับตัวก็ไม่ได้แม้เพียงปลายนิ้ว เหมือนกับร่างกายถูกตรึงด้วยอำนาจลึกลับที่ถาโถมสู่ร่างกายอย่างน่าสะพรึงกลัว บางคนถึงกับอยากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่บริเวณนั้น แต่ทำไม่ได้ ได้แต่นอนตัวแข็งอยู่บนเตียงด้วยหัวใจเต้นตูมตาม

ผู้ที่ถูกผีอำส่วนใหญ่จะนอนอยู่บนเตียง มีเป็นส่วนน้อยที่จะโดนอำในท่านั่งหลับบนเก้าอี้ หรือท่าที่ไม่น่าจะสบายนัก และมักจะเกิดกับคนที่นอนหงายมากที่สุด ระยะเวลานานตั้งแต่ 2-3 วินาที จนถึง 10 นาที โดยจะหายไปเอง หรือไม่ก็ผู้ที่ถูกผีอำพยายามเอาชนะอาการเอง หรือมีคนมาช่วยสะกิดปลุกให้ตื่นขึ้น

โดยมีอาการหลอนทางประสาทสัมผัสเกิดร่วม ได้แก่ หลอนว่าตัวลอยหรือบินได้ หรือเหมือนกำลังออกจากร่าง หมุนเคว้ง หลอนทางสัมผัสกาย เช่น มีใครมากดทับหน้าอก หรือมีใครมาสัมผัสตัว หรือดึงตัวเอาไว้กับเตียง บางทีก็รู้สึกว่าผ้าคลุมเตียงเคลื่อนไหว บางคนก็โดนเขย่าตัว หรือมีความเจ็บปวดเกิดขึ้น

หลอนทางการได้ยิน เช่น ได้ยินเสียงย่างเท้า เสียงเคาะประตู เสียงหายใจ เสียงคุย เสียงกระซิบ เสียงฮัม เสียงหึหึ หลอนทางการมองเห็น เช่น เห็นหมอกควัน หรือ ความมืดคลึ้ม เห็นร่างคน สัตว์ หรืออสูรกาย บางทีก็มีการโต้ตอบทั้งทางกายหรือวาจากับสิ่งที่เห็นนั้น อย่างเป็นเรื่องเป็นราว หลอนทางการได้กลิ่น เช่น ได้กลิ่นเครื่องหอม กลิ่นสาบ

โดยทั่วไปมักจะเกี่ยวข้องกับการนอน และสัมพันธ์กับสถานการณ์ ในชีวิตประจำวัน เช่น สถานการณ์ที่ทำให้เขากังวล ตื่นเต้น พูดได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะถูกผีอำได้ ไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตใจอะไรหรอก เป็นเพียงตะกอนความคิดที่เกิดจากชีวิตประจำวัน บางคนหาทางออกไม่ได้ ก็ไปออกในช่วงที่นอน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคนคนนั้นเริ่มมีภาวะความเครียด แล้วเดี๋ยวร่างกายก็ปรับสมดุลได้เอง ไม่มีที่นอนแล้วผีอำทุกวัน ไม่ถือเป็นโรค ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้วมันจะหายเอง

รายที่เป็นมาก แสดงว่ามีปัญหามาก แล้วมักจะเก็บไปฝัน ซึ่งบางคนอาจจะมาในแง่ฝันร้าย ถ้าฝันร้ายแล้วหลับสนิท ก็จะเล่นไปในฝัน แต่ถ้าตื่นขึ้นมานิดนึงก็จะรู้สึกว่าขยับตัวไม่ได้ ครึ่งหลับครึ่งตื่น กำลังเคลิ้ม เหมือนจริง เป็นสภาวะของผีอำ

การรักษาผีอำไม่มีอันตราย ในคนปกติก็เกิดขึ้นได้ โดยไม่ต้องการการรักษาใด ๆ ทั้งสิ้นเมื่อรู้สึกว่าโดนผีอำอยู่ ให้รีบตั้งสติทันที อย่าตกใจ การออกจากผีอำจะได้ผลดีที่สุดเมื่อรีบทำตั้งแต่มันเกิด พยายามขยับกล้ามเนื้อตา กล้ามเนื้อนิ้ว อะไรที่เล็ก ๆ ก่อน เพราะหากขยับได้ มันจะทำให้เราหลุดออกทันที ถ้านาน ๆ เป็นครั้ง หรือเกิดจากการอดนอน นอนไม่พอ หรือนอนผิดเวลา ไม่ต้องรักษา นอกจากนอนพักผ่อนให้พอ และอย่านอนผิดเวลาเท่านั้น

ถ้าเป็นบ่อยหรือเป็นมาก กลัวมาก หรือไม่สามารถหลับให้พอได้เอง การใช้ยาที่ลดการหลับแบบตากระตุก เช่น ยาอิมิพรามีน (imipramine เม็ดละ 25 มิลลิกรัม) 1-2 เม็ดก่อนนอน จะช่วยให้หลับแบบตาไม่กระตุกเพิ่มขึ้น ทำให้อาการผีอำและอาการหลอน ซึ่งเกิดในการหลับแบบตากระตุก ลดลง และทำให้อาการผีอำดีขึ้น หรือหายไปได้

ผ่อนคลายความเครียดก่อนนอนสัก 1-2 ชั่วโมง ไม่ทำอะไรที่มันตื่นเต้น เช่น ดูโทรทัศน์ เล่นเกมส์ ก่อนนอนอาจจะอาบน้ำอุ่น หรือดื่มนมอุ่น ๆ โดยเฉพาะนมถั่วเหลือง จะทำให้หลับสบายขึ้น หรืออาจจะใช้วิธีสะกดจิตเข้าช่วยโดยการโปรแกรมจิตใหม่ก็จะช่วยได้

กรณีที่มีอาการมาก ๆ อาจใช้ยาคลายเครียด หรือยาต้านเศร้า ซึ่งจะทำให้หลับสนิทขึ้นโดยไม่ฝันมากนัก คือคนที่ผีอำจะฝันปนอยู่ด้วย เราก็ทำความฝันนั้นให้น้อยลง อาการผีอำก็จะลดลงเหมือนกัน หลักง่าย ๆ เวลาโดนผีอำให้นอนเฉย ๆ สักพักอาการจะหายไปเอง

from kapook.com

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ออกกำลังในที่ร้อน ลดน้ำหนักเร็ว

การออกกำลังกายเป็นการดูแลตัวเองระดับสุดยอดทางหนึ่ง พี่มิ้งจึงขอนำวิธีเด็ดๆ โดนๆ เป็นเหมือนเส้นทางลัดให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำเสนอผลวิจัยว่าสถานออกกำลัง ก็สามารถช่วยให้เราผอมได้เร็วขึ้นด้วยนะ



ผลการศึกษาดังกล่าว จัดทำโดย ดร.คิม เกลฟี แห่งคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น ออสเตรเลีย และได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในอเมริกัน เจอร์นัล ออฟ คลินิเคิล นูทริชัน โดยทำการศึกษากับผู้ชายที่ออกกำลังกาย 11 คน

พบว่าหลังจากการออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิสูงประมาณ 97 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ
36 องศาเซลเซียส ผู้เข้าร่วมการศึกษาจะรับประทานอาหารน้อยลงกว่า หลังจากออกกำลังกายภายใต้อุณหภูมิปานกลางราว 77 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 25 องศาเซลเซียส

ออกกำลังในที่ร้อน ลดน้ำหนักเร็ว


และโดยเฉลี่ยแล้ว เมื่อผู้เข้าร่วมการศึกษาออกกำลังกายภายใต้อุณหภูมิปานกลาง พวกเขารับประทานอาหารมากขึ้นราว 300 แคลอรี ซึ่งมากกว่าหลังจากออกกำลังกายภายใต้สภาพอากาศร้อน

ดร.เกลฟี เปิดเผยว่า การออกกำลังกายภายใต้ความร้อน จะทำให้ปริมาณการรับประทานอาหารในมื้อหลังจากนั้นลดน้อยลง โดยทฤษฎีดังกล่าวอาจจะเป็นวิธีที่ดีสำหรับผู้ออกกำลังกายที่พยายามลดน้ำหนัก


ออกกำลังในที่ร้อน ลดน้ำหนักเร็ว

การศึกษาดังกล่าวอธิบายสาเหตุที่ทำให้ความต้องการอาหารน้อยลง หลังจากการออกกำลังกายในความร้อนว่า การออกกำลังกายภายใต้อุณหภูมิสูง กลุ่มผู้ทดลองจะมีระดับฮอร์โมน peptide YY สูงขึ้น ซึ่งฮอร์โมนดังกล่าวทำหน้าที่ส่งสัญญาณว่า "อิ่มแล้ว" นอกจากนี้ความต้องการอาหารที่น้อยลง น้ำหนักที่ลดยังเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้น ซึ่งเกิดจากการออกกำลังกายในสภาพอากาศที่ร้อน
อย่างไรก็ตาม เหตุผลดังกล่าวยังไม่เป็นที่สรุปแน่ชัด แต่ ดร.เกลฟี ระบุว่า นักวิจัยจำนวนหนึ่งเชื่อเช่นนั้น ขณะที่สภาพอากาศร้อนอาจจะช่วยลดความต้องการอาหารนั้นว่า ไม่ควรนำวิธีดังกล่าวไปใช้ใน
อุณภูมิที่ร้อนมากเกินไป เพราะอาจเสี่ยงทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อนได้


from dekd.com

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กล่องใส่อาหารพลาสติก / โฟม ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย

ภาชนะบรรจุอาหารพลาสติกเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างคาดไม่ถึง หากไม่ตระหนักและเพิ่มความระมัดระวังในการเลือกใช้ ซึ่งอาจเกิดการปนเปื้อนสารอันตรายลงสู่อาหาร หรือเกิด ปฏิกิริยาเคมีระหว่างอาหารและภาชนะบรรจุ การเลือกใช้พลาสติก หรือโฟมต้องเลือกใช้ชนิดที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร และเหมาะสมกับการใช้งาน

อันตรายที่เกิดจากสารเคมีของภาชนะบรรจุอาหาร มักไม่ได้รับความสนใจหรือเพิกเฉย เนื่องจากไม่ได้เกิดในทันทีทันใด แต่จะค่อยๆ สะสมจนเกิดอันตราย อาทิเช่น กล่องโฟมที่นำมาบรรจุอาหารที่ทอดร้อนๆ และมีน้ำมันขึ้นจากเตาใหม่ๆ จำพวกข้าวผัด ข้าวกะเพราไข่ดาว ผัดไทย หอยทอด ซึ่งมีคุณสมบัติที่สามารถละลายสารบางชนิดออกจากกล่องโฟม และปนเปื้อนสู่อาหารได้ กล่องโฟมโดยปกติเมื่อได้รับความร้อนที่อุณหภูมิสูงประมาณ 160๐-220๐C จะทำให้เกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์และมีการปล่อยสารโมเลกุลใหญ่ หรือสารประกอบบางชนิดออกมา อาจมีสารพิษที่มีผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว และสารบางอย่างจะสะสมในร่างกายก่อให้เกิดมะเร็งได้ ในกล่องโฟม (โพลิสไตรีน ; Polystyrene) เมื่อได้รับความร้อนสูงจะให้สาร 2 ชนิดคือ

1. สไตรีน (Styrene) ผลต่อร่างกายคือเมื่อถูกผิวหนังหรือเข้าตาจะทำให้ระคายเคือง หากสูดดมเข้าไปจะมีอาการไอ และหายใจลำบาก เพราะไปทำให้เยื่อเมือกเกิดความระคายเคือง ปวดศีรษะ ง่วงซึม อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลระบุความเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่เกิดมะเร็งได้ในสัตว์ทดลอง

2. เบนซิน (Benzene) สารที่มีความเป็นพิษสูงและเป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งอาการของผู้ที่ได้รับเบนซินเข้าไปคือในระยะแรกๆ จะเกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ ถ้าดื่มหรือทานอาหารที่มีเบนซินปนเปื้อนอยู่สูง จะทำให้มีอาการปวดท้องเนื่องจากกระเพาะถูกกัดกร่อน เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ง่วงนอน ชัก หัวใจเต้นแรง และอาจเสียชีวิตได้ เมื่อหายใจเอาเบนซินเข้าไปในระดับสูงและเป็นเวลานานอาจทำให้เซื่องซึม วิงเวียน หมดสติและใจสั่น อาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ และเมื่อสูดดมเป็นเวลานานจะทำให้เป็น โรคมะเร็งเม็ดเลือด (Leukemia) ได้การได้รับเบนซินเป็นเวลานานจะมีผลทำให้เป็น โรคโลหิตจาง (Anemia) เนื่องจากเบนซินจะเข้าไปทำลายไขกระดูก ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้จำนวนเม็ดเลือดลดลงและทำลายระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้

นอกจากเบนซินและสไตรีนแล้ว ยังมี สารไวนิลคลอไรด์ (Vinylchloride) ที่ปนเปื้อนในพลาสติกพีวีซี ซึ่งสารตกค้างของไวนิลคลอไรด์อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้ และ สารไดออกซิน (Dioxin) ซึ่งพบในพลาสติกบางประเภท ไดออกซินเป็นสารก่อมะเร็งในปอด กระเพาะอาหาร ตับ ต่อมน้ำเหลือง และผิวหนัง มีผลต่อระบบการสืบพันธุ์ ในเพศชายทำให้มีตัวอสุจิน้อยลง ส่วนเพศหญิงรังไข่และมดลูกจะผิดปกติ ซึ่งทารกที่เกิดจากหญิงที่ได้รับสารชนิดนี้ในปริมาณมาก มีความเสี่ยงต่อความผิดปกติในวัยแรกเกิดด้วย

กระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 92 พ.ศ.2528 และฉบับที่ 111 พ.ศ.2531 เรื่อง กำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุ การใช้ภาชนะบรรจุและการห้ามใช้วัตถุใดๆ เป็นภาชนะบรรจุอาหาร และเรื่องกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานของภาชนะบรรจุพลาสติก และการใช้ภาชนะบรรจุพลาสติกและการห้ามใช้วัตถุใดเป็นภาชนะบรรจุอาหารตามลำดับ ซึ่งกล่องโฟม (Polystyrene) มีการกำหนดปริมาณตะกั่วและสารระเหยกลุ่มเบนซินและสไตรีนไว้ด้วยเพื่อควบคุมคุณภาพของพลาสติก แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้ผลิตกล่องโฟมบางคนที่อาจไม่สามารถผลิตโฟมได้ตามมาตรฐานและยังมีการจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดในปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยของการบริโภค เราควรแยกชนิดของกล่องโฟมที่ใช้ให้ถูกต้องกับชนิดของอาหารเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเป็นพิษนั้น

ดังนั้น การใช้ภาชนะบรรจุอาหารพลาสติกหรือโฟม จึงควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานและประเภทของอาหาร เพราะการใช้ภาชนะบรรจุอาหารผิดประเภทอาจอันตราย เนื่องจากสารพิษเจือปนจากภาชนะได้ ซึ่งหากมีการสะสมเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ ภาชนะบรรจุอาหารที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีหลายประเภท ซึ่งมีหลักในการเลือกใช้เพื่อลดอันตราย ดังนี้

ภาชนะพลาสติก การใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารควรเลือกชนิดของพลาสติกให้เหมาะกับชนิดของอาหาร เช่น ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารที่เป็นกรด เช่น นํ้าส้มสายชู เพราะกรดจากนํ้าส้มสายชูอาจทําปฏิกิริยากับภาชนะพลาสติกได้ จึงควรใช้ภาชนะที่ทําจากวัตถุที่ทนความเป็นกรดและด่างได้ เช่น ภาชนะสเตนเลสจะปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ไม่ควรใช้ภาชนะพลาสติกบรรจุอาหารที่ร้อนจัดหรือมีความมันมากๆ เมื่อใช้ใส่อาหารร้อนๆ โดยเฉพาะนํ้าร้อนเดือด ความร้อนจะทําให้สีจากภาชนะละลายปนออกมา ทำให้ร่างกายได้รับโลหะหนัก เช่น ปรอท ตะกั่ว สารหนูและแคดเมียม เข้าสู่ร่างกายของเรา อาจจะเป็นสาเหตุของความผิดปกติของระบบต่างๆ ในร่างกายและโรคมะเร็ง

ถุงร้อน เป็นภาชนะที่นิยมใช้มากที่สุดในการบรรจุอาหาร ถุงร้อนบางชนิดสามารถทนความร้อนได้ถึง 120 องศาเซลเซียส แต่อาหารทอดใหม่ ๆ อาจมีอุณหภูมิสูงกว่า ทําให้มีโอกาสที่จะมีการปนเปื้อนลงสู่อาหารได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ควรพักอาหารทอดให้คลายความร้อน ก่อนบรรจุใส่ถุง

ฟิล์มหรือถุงพลาสติกห่อหุ้มอาหาร การใช้ฟิล์มยืดปิดภาชนะระหว่างการอุ่นอาหารด้วยเตาไมโครเวฟ สามารถเก็บความชื้น ช่วยให้อาหารร้อนเร็วขึ้นได้ แต่ไม่ควรใช้เพื่อทําให้อาหารสุกและควรระมัดระวังการใช้ฟิล์มยืด อย่าให้สัมผัสกับอาหารโดยตรง ควรห่างกันอย่างน้อยประมาณ 1 นิ้ว เพราะถ้าฟิล์มยืดสัมผัสกับอาหาร ฟิล์มยืดจะได้รับความร้อนสูงและอาจละลายติดอาหารที่จะรับประทานเข้าไปได้

ถุงหูหิ้วพลาสติก หรือถุงหูหิ้ว หรือที่เรียกจนติดปากว่า "ถุงก๊อบแก๊ป" ไม่เหมาะอย่างยิ่งสําหรับใส่อาหารโดยตรง เพราะถุงประเภทนี้ ส่วนใหญ่ผลิตจากเม็ดพลาสติกที่ได้จากการนํากลับมาใช้ใหม่ และคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ดังนั้นอาจเกิดอันตรายได้ถ้านํามาบรรจุอาหารที่ร้อนและมีไขมันสูง

สุดท้ายนี้ขอฝากเตือนใจในการเลือกใช้ภาชนะกล่องใส่อาหารพลาสติก / โฟม

"พลาสติกที่มีสีสันสดใส มีลักษณะขุ่น อาจเป็นการนำเอาพลาสติกเก่ามาหลอมทำใหม่ ไม่ควรนำมาใช้บรรจุอาหาร โดยเฉพาะกล่องโฟมที่ทำจากโพลีสไตรีน (Polystyrene ) ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง"

women.sanook

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เทคนิคดื่มน้ำ เพิ่มพลังสุขภาพ

ความใส่ใจเลือกรับประทานอาหารที่ปราศจากสารพิษ อย่าง ผัก ผลไม้ และอาหารที่ผ่านกรรมวิธีแปรรูปน้อยที่สุด ถือเป็นการดูแลรักษาสุขภาพโดยพึ่งพาธรรมชาติตามรูปแบบของ ดร.ทอม อู๋ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับการดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำเปล่าอย่างต่ำ 8 แก้วต่อวัน ซึ่งควรจัดสรรเวลาในการดื่มน้ำให้เหมาะสม และควรดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 1 ชั่วโมง

สำหรับเทคนิคการดื่มน้ำ ควรเปลี่ยนจากการดื่มเป็นอึก หรือดื่มทีเดียวหมดแก้ว มาเป็นการค่อยๆ จิบ ค่อยๆ กลืน เทคนิคดังกล่าว นอกจากจะไม่ทำให้รู้สึกจุกหรือปวดปัสสาวะหลังจากดื่มน้ำแล้ว ยังเป็นการเติมความชุ่มชื้นให้แก่เซลล์ทั่วร่างกาย ถือเป็นการแก้กระหายและบำรุงร่างกายจากภายในสู่ภายนอก

ทั้งนี้ ดร.ทอม อู๋ ยังแนะนำให้ลำดับการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อให้ร่างกายย่อยอาหารได้อย่างสะดวก โดยเริ่มจากการรับประทานผลไม้ก่อน จากนั้นจึงตามด้วยสลัดผักสด ที่จะต้องเคี้ยวคำละ 40 ครั้ง สุดท้ายเป็นอาหารปรุงสุกหรืออาหารจานหลัก

ส่วนเหตุผลที่ให้จัดลำดับการรับประทานอาหารตามคำที่กล่าว เพราะผลไม้เป็นอาหารที่ย่อยง่ายมากกว่าผักสดและเนื้อสัตว์ เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยอาหารและดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

women.sanook

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เคพี อีกครั้ง

ได้รับเลือกเข้าไปคัดเลือกรอบสองสำหรับการเข้าฝึกงาน
แต่ขี้เกียจจัง
จิงๆก้อไม่รุจะเตรียมตัวยังไง
จะต้องอ่านไรไปเหรอ
เฮ้อ
เบื่อ
ชีวิตที่ต้องมีการแข่งขันไม่รุจักจบสิ้น

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

11 วิธีเอาชนะโรค "ภูมิแพ้

1. รักษาอาการของท่านด้วยตนเอง โดยหลีกเลี่ยงสารที่แพ้ให้มากที่สุด และเมื่อมีอาการมาก ท่านสามารถ เลือกใช้ยาแก้แพ้ที่มีขายทั่วไปด้วยตัวท่านเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ยาดังกล่าวแล้ว อาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน ท่านควรจะปรึกษาแพทย์

2. ติดเครื่องปรับอากาศในบ้าน เครื่องปรับอากาศ จะทำให้อากาศมีความชื้นต่ำลง ซึ่งเป็นสภาวะที่ตัวไร และเชื้อราไม่ชอบ นอกจากนี้ ยังสามารถกรองฝุ่นได้บางส่วน โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ที่รวมเอาเครื่องฟอกอากาศ เข้าไปด้วย รวมทั้งยังสามารถป้องกันเกสรดอกไม้ และเกสรหญ้าต่างๆที่มีอยู่ภายนอกบ้านได้อีกด้วย

3. ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศโดยจะต้องเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่เพียงพอกับขนาดของห้องและได้มาตรฐาน เครื่องฟอกอากาศที่ไม่ได้มาตรฐานในการกำจัดฝุ่น นอกจากจะไม่ช่วยลดจำนวนฝุ่นที่มีอยู่ในอากาศแล้ว อาจจะเป็นตัวที่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้อีก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการมากขึ้นไปอีก

4. เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดบริเวณที่อับชื้น ที่มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อราผสมอยู่ด้วย เช่น น้ำยาที่มีClorox เป็นส่วนผสม





11 วิธีเอาชนะโรค "ภูมิแพ้"



5. ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรจำกัดบริเวณของสัตว์เลี้ยง ไม่ให้เข้าไปในห้องนอนของผู้ป่วย จำไว้ว่าการให้สัตว์เลี้ยงของท่านเดินผ่านห้องนอนของท่านเพียงหนึ่งครั้ง จะมีสารก่อภูมิแพ้ในห้องของท่าน ในปริมาณเพียงพอที่จะทำให้ท่านมีอาการไปทั้งอาทิตย์

6. ใช้ผ้าปิดปากและจมูกทุกครั้ง เมื่อจำเป็นจะต้องทำความสะอาดบ้านด้วยตนเอง

7. ให้ผู้อื่นทำงานบ้านแทน หรือจ้างคนรับใช้ เพื่อทำความสะอาดบ้าน บางครั้งค่าจ้างทำความสะอาด อาจมีราคาต่ำกว่า ค่ารักษาที่ท่านต้องเสียไป

8. หลีกเลี่ยงการใช้พรมในบ้าน พรมเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ตัวไร และเชื้อรา จะมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะทำความสะอาดด้วยการนำมาซัก ก็ไม่สามารถกำจัดตัวไรให้หมดไปได้ เนื่องจากความร้อนที่ใช้ไม่สูงพอในการทำลายตัวไร ในทางตรงข้าม กลับจะทำให้พรมมีความชื้นมากขึ้น ถ้าทำให้แห้งไม่ดีพอ และทำให้มีตัวไรและเชื้อรามากขึ้นไปอีก



11 วิธีเอาชนะโรค "ภูมิแพ้"



9. ใช้หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ แม้ว่าตัวไรจะสามารถอาศัยอยู่ในวัสดุสังเคราะห์ได้เช่นกัน แต่หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์สามารถนำมาทำความสะอาดด้วยความร้อนที่มีอุณหภูมิที่สูงกว่าหมอนธรรมดา ทำให้สามารถทำลายตัวไรได้

10. ซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนบ่อยๆในน้ำร้อน นอกจากหมอนแล้ว ตัวไรยังชอบ ที่จะอาศัยอยู่ในปลอกหมอนด้วยเช่นกัน

11. ทำห้องนอนให้เป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ในกรณีที่ไม่สามารถทำให้ทั้งบ้านเป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ได้ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยทั่วไป คนเราจะใช้เวลาอยู่ในห้องนอนมากกว่าห้องอื่นๆ

from dekd.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทายนิสัยจากการดู TV

วางแผนดูทีวีตามรายการไว้แน่นอน
คุณเป็นคนวางแผนชีวิตไว้อย่างดี มีความสามารถในการดำเนินธุรกิจ และมักจะประสบความสำเร็จอย่างสูง

ดูทีวีไปกินของจุกจิกไปด้วย
คุณเป็นคนที่ชอบเอาเวลาพักผ่อนมารวมกับทีวี ความสุขที่ยิ่งใหญ่ของคุณอยู่ที่ได้คบหาสมาคมกับผู้คนและมีสัมพันธภาพที่ดียิ่งกับเพื่อฝูงและเพื่อนบ้าน

ชอบเปลี่ยนช่องบ่อยๆ
คุณเป็นคนที่มักชอบแสวงหาสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ใฝ่หาสิ่งที่น่าสนใจแปลกๆจากที่มีอยู่ตลอดเวลา ต้องการความก้าวหน้า และมีความทะเยอทะยานสูง

ดูช่องไหนก็ผูกขาดอยู่ช่องเดียว
ไม่ยอมจะเปลี่ยนช่องใหม่ตามความต้องการของคนอื่น แสดงว่าคุณเป็นคนแน่วแน่ เมื่อตั้งเป้าหมายอะไรไว้ก็จะทำให้ถึงที่สุด ไม่ยอมให้อะไรมาเป็นอุปสรรคขัดขวาง

ดูทีวีบนเตียงนอน
คุณไม่ถือว่าการดูทีวีเป็นเรื่องซีเรียสจริง คุณดูทีวีเพื่อต้องการพักผ่อนจากการเคร่งเครียดกับงานประจำวัน คุณอาจมีงานที่ตื่นเต้นที่จะต้องทำให้เสร็จลุล่วงไป จึงเอาทีวีมาช่วยบรรเทาสมองที่คิดคำนึงถึงงานอยู่

ดูข่าวและสารคดีเป็นส่วนใหญ่
เป็นนักแสวงหาความจริง เป็นคนที่ซีเรียสจริงจัง คุณต้องการใช้เวลาดูทีวีเพื่อรวบรวมข่าวสารต่างๆ คุณดำเนินชีวิตจากสมองมากกว่าหัวใจ

ชอบดูเกมโชว์
คุณจะมีความอบอุ่นใจเมื่อได้เกี่ยวข้องสมาคมกับคนอื่นๆ และเข้าได้ดีกับทุกคน ในชีวิตคุณชอบเล่นเกมและกีฬาเป็นประจำ เพราะไปไปสัมผัสกับผู้คน

ชอบใช้เวลาในการดูทีวีมาก
สิ่งที่ต้องการอันยิ่งใหญ่ของคุณคือผู้คน ซึ่งช่วยกระตุ้นจิตใจคุณให้คึกคัก คุณมีความสุขอย่างยิ่งที่อยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูงและครอบครัว ดังนั้นคุณจึงชอบใช้เสียงและภาพจากทีวีเพื่อให้คุณเกิดความมั่นใจอย่างแท้จริง

from เวบไทยรีดเดอร์คลับ

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

NEW Moon

อาทิดนี้ก้อจะได้ไปดู
ทไวไลท์ นิวมูนแลว้
เป็นภาคที่สองแล้วนะ ของหนังแวมไพร์เรื่องนี้
ชั้นตกหลุมรัก พระเอก และนวนิยายเรื่องนี้เสียแล้ว

น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่มีตังค์ซื้อ หนังสือมาอ่าน
อยากได้มากมาย
ภาคภาษาอังกฤษ เล่มนึง ก็สามร้อยแล้ว
แถมซื้อมาก็ไม่มีเวลาอ่านอีก
จะซื้อมานอนกอด ก็ไม่ดี
เอาเงินไปซื้อหนังสือเรียน
หมดเลย
เงินเดือนนี้

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทิ้งซะเครื่องสำอางหมดอายุ!!!

ตัวเองก็ยังแทบจะจำไม่ได้ว่าใช้อันไหนไปแล้วบ้าง อันไหนซื้อมาตอนไหน กลายเป็นว่าเครื่องสำอางในกรุของสาวๆ มีทั้งใหม่และเก่าปนกัน ชิ้นไหนหมดอายุไปแล้วก็อาจจะไม่ทันได้สังเกต บางครั้งสาวๆ ก็อาจจะเผลอหยิบไปใช้ …นั่นล่ะค่ะ อันตรายกำลังจะมาเยือนสาวๆ แล้ว!!!


ทิ้งซะเครื่องสำอางหมดอายุ!!!

เพราะเครื่องสำอางที่หมดอายุอาจเป็นสาเหตุของปัญหาผิวหน้า เช่น สิว ฝ้า กระ หรือ ผื่นแพ้ต่างๆ ดังนั้น สาวๆ จึงควรสังเกตวันหมดอายุก่อนใช้ และถ้าชิ้นไหนหมดอายุแล้วก็ให้โละทิ้งอย่าเสียดาย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางได้ให้ความรู้ว่าปัญหาที่น่ากลัวกว่าการเกิดสิวบนใบหน้าเนื่องจากการใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุ ก็คือ อาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังเรื้อรัง เยื่อบุตาอักเสบ ปากเปื่อย ฯลฯ … ด้วยเหตุนี้เองสาวๆ ถึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของวันหมดอายุยังไงล่ะคะ ...



ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันซิคะว่าเครื่องสำอางชิ้นไหนบ้างที่หมดอายุแล้ว


ทิ้งซะเครื่องสำอางหมดอายุ!!!

>>> เริ่มจากกลุ่มของเหลว รองพื้นมีอายุเพียง 1 ปีหลังเปิดใช้ ถ้าเป็นแบบผสมน้ำ แต่ถ้ามีน้ำมันผสมหยวนได้ถึง 1 ปีครึ่ง วิธียืดอายุให้เก็บไว้ในตู้เย็น ปิดฝาให้สนิท อย่าสัมผัสรองพื้นโดยตรงใช้แปรงหรือฟองน้ำดีที่สุด ถ้ามีกลิ่นเหม็นหืนหรือเนื้อครีมเปลี่ยนสีต้องทิ้งทันที

>>> กลุ่มลิควิดอายไลเนอร์และมาสคาร่าจะมีอายุสั้นที่สุดเพียง 3-6 เดือน หลังเปิดใช้ เนื่องจากด้ามแปรงที่ปัดขนตาเป็นที่สะสมของแบคทีเรีย วิธียืดอายุ ห้ามปั๊มมาสคาร่าเพราะจะทำให้อากาศเข้าวิธีใช้แค่ขยับแปรงกระทบด้ามเบาๆ 1 ทีก็พอ



>>> น้ำยาทาเล็บมีอายุ 1 ปี หลังเปิดใช้ เขย่าขวดบ่อยๆ ช่วยไม่ให้น้ำยาทาเล็บเกาะตัวกัน แต่ถ้าแข็งมากมีเคล็ดลับใช้น้ำยาล้างเล็บผสมลงไป เขย่าทำให้สีละลายเพิ่มอายุการใช้งาน

>>> น้ำหอม ถ้ายังไม่เปิดใช้เก็บให้ห่างแสงแดดและความร้อน มีอายุนานถึง 3 ปีแต่ถ้าใช้แล้วอยู่ได้ราว 1 ปีครึ่ง สังเกตถ้ามีกลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนหรือน้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแปลว่าหมดอายุ

>>> ต่อไปเป็นกลุ่มเนื้อครีม เช่น ลิปสติก ดินสอเขียนขอบปากขอบตา บรัชออนหรืออายแชโดว์แบบครีม มีอายุใช้งานหลังจากเปิดใช้นานถึง 2 ปี แต่ต้องพยายามอย่าใช้มือสัมผัสโดยตรง ควรใช้แปรงแต่ละประเภทแทน แต่ระวังลิปกลอสมีอายุใช้งานเพียง 1 ปีเท่านั้น โดยเฉพาะแบบจิ้มจุ่ม หากหมดอายุ สีและน้ำมันจะแยกชั้นเห็นชัดเจน รวมทั้งกลิ่นก็จะเปลี่ยนไป


ทิ้งซะเครื่องสำอางหมดอายุ!!!

>>> ส่วนสกินแคร์บำรุงผิว ให้ลองสังเกตวันหมดอายุข้างกล่อง ระบุคำว่า MFD หรือ MFG คือวันผลิต นับต่อใช้ได้หลังจากเปิดฝาประมาณ 1 ปี แต่ส่วนใหญ่ให้ดูสัญลักษณ์คล้ายรูปกระป๋องเปิดฝาที่ข้างขวด เช่น มีตัว เลข 12M อยู่ในกระป๋องแปลว่าหลังจากเปิดใช้มีอายุ 12 เดือน เป็นต้น

สำรวจตรวจสอบกันให้ดี ถ้าหากพบว่าชิ้นไหนหมดอายุแล้วก็ทิ้งได้เลยค่ะ อย่าเก็บได้เพราะว่าเสียดาย และครั้งต่อไปถ้าหากจะซื้อเครื่องสำอางอีกล่ะก็ต้องคิดให้ดีก่อนนะคะ ไม่อย่างนั้นซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ถึงเวลาหมดอายุก็ต้องทิ้งไปเปล่าๆ เสียดายเงินค่ะ ^^
:website dekd

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ช่วงนี้

เฮ้อ
งานเยอะจิงๆ
จนไม่รุจะเริ่มต้นทำอะไรก่อนดี
แถมยังต้องห่วงเรื่อง ทำตามฝันให้เป็นจริงอีก
ไหนจะอยากทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อผ่อนคลาย
ในชีวิตหนึ่งๆของคนเรา ทำไมมันมีน้อยนัก คนเราต้องใช้เวลาในการทำอะไรหลายๆ อย่างมากมาย
ทั้งทำตามหน้าที่ที่พึงกระทำแล้ว ยังต้องทำตามสิ่งที่ชอบ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง

ทำไมมนุษย์มันช่างเป็นอะไรเช่นนี้
หากอยากให้ชีวิตนี้ดำรงอยู่ได้อย่างมีความสุข ก็คงต้องมองโลกในแง่ดีเข้าไว้
เพราะไม่ว่าเราจะมองตัวเอง หรือคนอื่น สิ่งอื่น เราก้รุสึกดี มีความสุขตลอดเวลา
แต่การจะทำได้อย่างนั้นจะทำได้บ่อยๆรึป่าว

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ถ้าหากคิ้วคุณผูกโบว์

>> อยู่ในโลกสมมุติให้น้อยลง อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น บางครั้งการอยู่กับตัวเองอาจจะทำให้เราตัดขาดจากโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้เราสบายใจ แต่นั่นก็แค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้นล่ะค่ะ ยังไงซะในโลกของความจริงเราก็ยังต้องเจอปัญหาอีกมากมาย ถ้าสาวๆ เป็นคนที่นั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน จงลุกขึ้นแล้วพูดคุยกับคนอื่นบ้าง แม้เป็นการอยู่กับคนแปลกหน้าก็ช่วยกระตุ้นความรู้สึกเป็นสุขได้ (ลองสังเกตดูสิคะว่า เวลาดูหนังกับคนอื่นในโรงหนัง เราจะหัวเราะเสียงดังกว่าเวลาดูอยู่ที่บ้านซะอีก)

>> 1 2 3 4 ใครบ้างที่เราปลื้มอยู่ การเขียนรายชื่อสิ่งที่เรารู้สึกขอบคุณอาจฟังดูแปลก ๆ แต่วิธีนี้พิสูจน์แล้วว่าได้ผล ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าความจริงแล้ว การนับสิ่งดีๆ ที่พบอาจเป็นวิธีเดียวที่ช่วยวัดผลความสุขได้ดีที่สุด




>> สะสมสิ่งดีๆ เพื่อให้นึกถึงประสบการณ์ดีๆ สิ่งดีๆ ที่พบระหว่างวันว่าเป็นเสมือนลูกปัดที่ร้อยอยู่ในสาย ยิ่งพบยิ่งร้อยสายสร้อยที่เต็มไปด้วยลูกปัดสวยๆ ก็จะยิ่งยาวขึ้นจนประกอบเป็นสร้อยเส้นงามได้ … ลองนึกย้อนถึงการเก็บเกี่ยวสิ่งเหล่านั้น วิธีง่ายๆ แบบนี้ทำให้สาวๆ ความสนใจช่วงเวลาดีๆ แม้อาจจะเล็กน้อยที่สุด แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขใช่ไหมล่ะ??



>> นึกถึงสิ่งที่เป็นความทรงจำที่ไม่ใช่วัตถุ ลองคิดดูสิคะว่าถ้าสาวๆ ต้องเลือกระหว่าง กระเป๋าแบรนด์เนมใบใหม่กับการหยุดพักร้อนกับครอบครัว พี่เหมี่ยวว่าสาวๆ น่าจะรีบลุกขึ้นจัดกระเป๋า เพราะแม้ว่าจะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมสุดไฮโซก็อาจกลายเป็นเรื่องธรรมดาเมื่อเวลาผ่านไป แต่ความทรงจำถึงช่วงเวลาดีๆ กับเพื่อน และผู้เป็นที่รักจะอยู่ไปตลอดกาลนะคะ


>> มองโลกด้วยอารมณ์ขัน "อารมณ์ขันช่วยชูรสอร่อยให้ทุกอย่าง" มาร์ทิน เซลิกมาน นักจิตวิทยา เคยตั้งข้อสังเกตไว้ เชื่อรึเปล่าคะว่าการดูรายการตลกไม่เคยทำให้สาวๆ ผิดหวัง จำไว้นะคะว่าพยายามยิ้มให้กับความไร้สาระของชีวิต และเวลาอ่านอะไรขำขันก็จงหัวเราะออกมาดังๆ ได้เลยค่ะ

ถ้าหากคิ้วคุณผูกโบ ...


>> หลบเข้าไปในโลกส่วนตัวที่ปลอดความเครียด นึกถึงสถานที่ให้ความรู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และเป็นสุขเสมอ ทีนี้เวลาที่สาวๆ รู้สึกเครียดและทุกข์ใจให้นึกถึงสถานที่นั้น พร้อมกับให้มีรายละเอียดมากที่สุดนึกถึงกลิ่นโลชั่นกันแดด สัมผัสไอแดด เสียงน้ำทะเล หรือการเดินท่องไปในป่า ภาพเหล่านี้จะช่วยสร้างความรู้สึกและกำลังใจดีๆ ให้สาวๆ ได้ค่ะ


ถ้าหากคิ้วคุณผูกโบ ...



>> มองโลกแบบมีน้ำตั้งครึ่งแก้ว เป็นสาวยุคนี้ต้องคิดบวกค่ะ พยายามมองเรื่องต่างๆ ในด้านดีเข้าไว้ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตตอนนี้เป็นช่วงขาลง แต่ถ้าหยุดและประเมินอย่างตรงไปตรงมา เราอาจจะเห็นว่าจริงๆ แล้วชีวิตก็ยังดีด้านดีๆ อยู่บ้างล่ะน่า

>> ไอเดียดีๆ ยังมีในตัวคุณ นึกย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่สาวๆ มีเวลาแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ สาวๆ เคยอยู่ในวงดนตรีบ้างไหม เขียนกลอนบ้างหรือไม่ ชอบซ่อมหรือแต่งรถเองไหม จำความรู้สึกที่ง่วนกับอะไรจนลืมเวลาได้หรือไม่ ทำไมไม่หยิบดินสอกับกระดาษขึ้นมาวาดรูปดูล่ะ การแสดงออกอย่างร่าเริงจะนำความสุขมาให้ได้


ถ้าหากคิ้วคุณผูกโบ ...

>> คิดดีทำดี การกระทำที่ทำด้วยความเมตตาและความตั้งใจจริง แม้จะเล็กน้อยก็ยังความสุขใจแก่ผู้ให้มากพอๆ กับผู้รับ

>> ลงมือทันที แทนที่จะรอไปฉลองเหตุการณ์สำคัญๆ ทำไมไม่ทำวันนี้ล่ะ ทำขนมเค้กเพราะอยากทำ พาใครบางคนออกไปกินมื้อเที่ยง ซื้อยาทาเล็บสีชมพู ดื่มฉลองให้วันดีๆ ลงมือทันทีและขอให้มีความสุขนะคะ


จาก เวบเด็กดี

วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

7 นิสัยทำสุขภาพเสีย

เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ใครว่าไม่สำคัญ ยิ่งนิสัยทำลายสุขภาพด้วยแล้ว หากทำเป็นประจำ สุขภาพอาจเสื่อมโทรม หรือพาลให้เป็นโรคภัยไข้เจ็บได้ ไปเช็คตัวเองกันดีกว่า

ไม่ใช้ไหมขัดฟัน การไม่ใช้ไหมขัดฟันทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับเหงือก และส่งผลให้สุขภาพฟันไม่แข็งแรง นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุนว่าท็อกซินจากแบคทีเรียบริเวณเหงือกสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและอาจทำให้เป็นโรคหัวใจได้

นอนทั้งยังใส่คอนแทคเลนส์ มีการศึกษาพบว่าการนอนทั้งที่ยังมีคอนแทคเลนส์อยู่เพิ่มการติดเชื้อที่ดวงตาถึง 10 เท่า

ไม่ได้ล้างเครื่องสำอาง การนอนทั้งที่ยังไม่ได้ล้างเครื่องสำอางนั้นเป็นการเพิ่มอัตราป่วยเป็นภูมิแพ้ได้ นอกจากนี้ยังเพิ่มตัวกระตุ้นการเกิดสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องสำอางที่มีน้ำมันเป็นพื้นฐาน

ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ การสวมรองเท้าส้นสูงเป็นประจำเป็นการลงน้ำหนักตัวที่ไม่สมดุล มีผลเสียต่อกระดูกและกล้ามเนื้อขาและเท้า อาจทำให้ข้อเสื่อมก่อนวัยได้

เคี้ยวหมากฝรั่งทั้งวัน หากเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีซอร์บิทอลตลอดทั้งวัน อาจทำ ให้ท้องอืดท้องเฟ้อ หรือเกิดอาการท้องเสียได้

ทาครีมกันแดดทุกวัน การทาครีมกันแดดต่อเนื่องเป็นตัวลดจำนวนวิตามินดีที่ ร่างกายจะสร้างขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งทำให้เกิดอาการเครียดหรือเป็นโรคกระดูกพรุนตามมา

โทรศัพท์ก่อนนอน ตามรายงานของนักวิทยาศาสตร์ประเทศสวีเดน รังสีที่แผ่ออก จากเครื่องโทรศัพท์มือถือ ทำให้นอนไม่หลับหรือไม่สามารถหลับลึกได้ และทำให้รู้สึกปวดหัวได้

from ขีวจิต

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ของหวาน ความอร่อยที่ต้องระวัง

เด็กกับของหวานนี่เป็นของที่แยกกันไม่ได้เลย ความหวานทำให้เกิดความสดชื่น จนบางคนถือว่าการได้กินของหวานทำให้แจ่มใสมีความสุข และเกิดอาการติดได้ สิ่งที่เกิดขึ้นว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ก็ไม่น่ามีอะไรที่เป็นปัญหามาก แต่ตามหลักทางพุทธของเราอะไรที่มากเกินไปก็มักมีปัญหาทั้งนั้นครับ แล้วเด็กจะมีปัญหาอะไรบ้าง เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังเรื่องของหวาน ๆ นี่ตามธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่น่าอภิรมย์สำหรับเด็กและทุกคน เนื่องจากน้ำตาลซึ่งมีรสหวานจะถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด ทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดสูงขึ้นมาในระดับที่ร่างกายต้องการ การกินน้ำตาลมักทำให้อารมณ์ดี มีความกระปรี้กระเปร่าแม้ในขณะที่หิวมาก ๆ ก็ยังรู้สึกดีขึ้นมากถ้าได้กินน้ำตาลหรือน้ำหวานสักแก้ว ปัญหาก็คือเมื่อกินของที่มีรสหวานก็จะเกิดความอยากบ่อยขึ้นและจะเกิดการติดใจเลยกินไม่เลิก ตอนนี้แหละครับลำบาก ในเด็กนี่เร็วมากครับพอได้ลิ้มชิมรสหวานแล้วละก็ ไม่เอาแล้วของรสจืด เลิกกินกันไปเลย ปัญหาก็คือของที่เราป้อนไม่ว่าจะเป็นข้าว นม ก็เป็นของจืดทั้งนั้น เด็กก็เลยพาลไม่ยอมกินกันเลย จะกินแต่ของหวาน นาน ๆ เข้าก็เลยต้องใส่น้ำตาลในอาหารทุกอย่าง หรือแม้แต่นมก็ต้องมีรสหวาน ทีนี้แหละครับ ปัญหาก็ตามมาเป็นพรวนเลยเมื่อเด็กกินของหวานเข้า โดยทั่วไปผู้ใหญ่มักจะคิดว่าเด็กจะกินได้มากขึ้น แต่ในเด็กที่ผอมและกินอาหารยากกลับกินไม่ลง ในทางตรงกันข้ามในเด็กที่อ้วนกลับกินไม่พอ เนื่องจากเด็กที่ผอมระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงขึ้นจะไปทำให้ระดับฮอร์โมนอินซูลินสูงขึ้น เจ้าฮอร์โมนตัวนี้ทำหน้าที่สองอย่างครับ คือทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงเนื่องจากน้ำตาลถูกนำไปใช้ หน้าที่อีกอย่างก็คือไปกดความต้องการอาหารในเด็ก ในขณะที่เด็กอ้วนนั้นระดับอินซูลินไม่สามารถระงับความต้องการอาหารได้ ก็เลยกินเอา กินเอาไม่ยอมหยุดด้วย ความเอร็ดอร่อย ทีนี้ที่คิดว่าจะแก้ปัญหาให้กินได้มากขึ้นในเด็กผอมก็เลยกลายเป็นสร้างปัญหาไป นอกจากนี้น้ำตาลหวาน ๆ พวกนี้ก็ยังสร้างปัญหาโลกแตกให้คุณหมอฟันมากเลยครับ ลองคิดดูว่าถ้าเด็กเล็กโดยเฉพาะที่อายุน้อยกว่า 3 ขวบนี่ จะแปรงฟันทีก็ยากเย็นแสนเข็ญ ถ้าติดนมหวาน ขนมหวาน แถมติดขวดนมอีก แย่แน่ เพราะจะต้องฟันผุแน่นอนครับ ปัญหาเป็นปัญหาใหญ่มากจนทำให้ที่ประเทศสิงคโปร์โฆษณาชวนเชื่อให้เด็กเลิกของหวานกันเลย แถมในรัฐแคลิฟอร์เนียก็มีข่าวแว่ว ๆ ว่าอาจไม่ให้ขายน้ำโค้ก แสดงว่าเขาเอาจริงครับ แต่ในประเทศเราท่าทางจะยากเนื่องจากความเข้าใจเรื่องนี้มีน้อย ขนาดนมในโรงเรียนยังเป็นนมหวานเลยครับ แต่ก็เป็นที่น่ายินดีที่มีข่าวว่าอีกไม่นาน นมโรงเรียนจะเปลี่ยนเป็นนมจืดทั้งหมดแล้ว แหม น่าดีใจแทนเด็ก ๆ ความหวานนี่เคยมีคนพิสูจน์มาแล้วว่าทำให้เด็กค่อนข้างซุกซนผิดปกติ แถมยังไม่ค่อยมีสมาธิกับการเรียน ถึงแม้ว่าการศึกษาระยะหลัง ๆ ไม่ค่อยสนับสนุนนัก แต่ก็มีคนที่ค่อนข้างเชื่อว่า สมาธิกับของหวานน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกัน ก็คงต้องรองานวิจัยที่แน่ชัดต่อไป แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ความหวานมีส่วนทำให้เด็กที่อ้วนอยู่แล้ว อ้วนมากขึ้น และอ้วนง่าย เนื่องจากความหวานมีรสอร่อย เด็กก็เลยกินมากเป็นธรรมดา ยิ่งอร่อยยิ่งอยากกิน จนในที่สุดก็อ้วนฉุ เอ บาคนถามว่าน้ำตาลอ้วนได้ยังไง ก็ขอเล่าแจ้งแถลงไปให้ทราบกันเลยว่าน้ำตาลนี่เปลี่ยนไปเป็นไขมันได้นะครับ พออ้วนมาก ๆ เข้า ก็ทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาต่าง ๆ มากมาย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง สำหรับรายละเอียดของโรคเหล่านี้ผมก็เล่าแจ้งไปบ้างใน Health Today ฉบับก่อน ๆ แล้วนะครับ มีคนมักถามว่าผลไม้หวาน ๆ ล่ะ? กินได้มั้ย คำตอบก็คือว่า ความจริง ถ้ากินผลไม้กันเป็นผล ๆ และกินไม่มากจนเกินไป ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะผลไม้ที่กินทั้งผลมักจะได้กากใยด้วย ซึ่งเป็นผลดีต่อลำไส้และการขับถ่าย แถมทำให้การดูดซึมไม่เร็วไปนัก แต่คนเดี๋ยวนี้ขี้เกียจเคี้ยวกัน จะกินผลไม้ก็ต้องกินแต่น้ำ จะกินผักก็กินแต่น้ำผัก ผมว่าท่าทางจะขี้เกียจเคี้ยวมากไปหน่อย ก็เลยทำให้อดกินของดี ๆ อีกหลายอย่างที่มีในผักและผลไม้ เดี๋ยวนี้เครื่องคั้นผลไม้แบบแยกกากมีขายกันเกร่อ ทำให้กินกันแต่น้ำผลไม้ไม่กินกากกันเลย ความจริงกากผลไม้นั่นแหละครับของดี ส่วนน้ำผลไม้นั่นไม่เท่าไหร่ มีวิตามินนิดหน่อยกับน้ำตาลก็เท่านั้นเอง ถ้ากินมาก ๆ ไปก็ไม่ใช่ว่าจะดีนะครับ บางคนกินน้ำผลไม้วันละเป็นลิตร ๆ เลยได้น้ำตาลไปมากเกินควร ก็อ้วนได้นะครับก็เล่าสู่กันฟังสำหรับของหวานกับเด็ก ผมว่าความจริงแม้ว่าเด็กกับของหวานจะเป็นของคู่กันก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องให้เด็กกินหรือรู้จักขนมหวานมากนัก อาจให้เด็กกินผลไม้และอาหารที่มีรสหวานได้บ้าง แต่ก็ไม่ควรมากหรือบ่อยเกินไป การกินอาหารรสไม่จัดน่าจะเป็นประโยชน์กับเด็กมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นความเชื่อที่ว่าการกินนมที่มีรสหวานจะทำให้เด็กสามารถกินนมได้มากขึ้นนั้นไม่เป็นจริงอย่างที่คิด แถมยังมีผลเสียมากมาย ที่สำคัญบางคนให้เด็กกินนมเปรี้ยว และโยเกิร์ต ด้วยความหวังว่าเด็กจะได้กินนมบ้าง แต่ไม่ทันคิดว่านมเปรี้ยว และโยเกิร์ต ที่ขายตามท้องตลาดนั้นมีเนื้อนมแค่ประมาณครึ่งเดียว แต่มีน้ำตาลค่อนข้างสูงเด็กทีกิ่นแล้วเลยพาลไม่กินข้าวไปเลย


จาก เวบ numwan.com

วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เทคนิคการผ่อนคลายตนเอง

1. ปัจจุบัน คือสิ่งที่สำคัญที่สุด - บ่อยแค่ไหนที่คุณมักจะพบว่าคุณเป็นกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น คนส่วนมากมักจะมีความวิตกกังวลในเรื่องของอนาคต แต่ในความเป็นจริงแล้วการวิตกกังวลไป ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะอยู่ในโลกแห่งอดีตหรืออนาคต คุณก็จะไม่สามารถผ่อนคลายได้เลย ฉะนั้นถ้าคุณต้องการผ่อนคลายอย่างแท้จริงคุณจะต้องมีสติอยู่กับปัจจุบัน เราเท่าทันตนเองอยู่เสมอ2. สิ่งแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญ - ที่ที่คุณอยู่ หรือสภาพแวดล้อมที่คุณต้องเจอก็ส่งผลต่อจิตใจของคุณเช่นเดียวกัน หลายๆคนอาจไม่ได้ตระหนักถึงปัจจัยนี้ แต่ถ้าสังเกตให้ดี การอยู่มรบางที่ มันก็ยากที่จะรู้สึกผ่อนคลายได้ คราวนี้ เริ่มมองไปที่รอบตัวคุณ ถ้าคุณเห็นสิ่งที่คอยเตือนใจให้คุณทำโน่นทำนี้ คุณคงต้องลงมือทำอะไสักอย่างกับห้องของคุณแล้วเจ้าพวกของที่คอยกวนใจคุณเป็นเหมือนภาระ หนักของจิตใจคุณ จัดการจัดห้องให้เป็นระเบียบและเก็บมันไปให้พ้นหูพ้นตา หาของประดับห้องให้มีความรื่นรมณ์มากขึ้น คุณอาจยอมเสียเงินซื้อเครื่องฟอกอากาศสักเครื่อง หรือเทียนหอมมาจุด ก็ช่วยให้คุณผ่อนคลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังเป็นการเพิ่มประสิทธืภาพในการทำงานของคุณอีกด้วย3. การทำสมาธิ - ระหว่างที่เรามีสมาธิ จิตของเราจะอยู่ในความเงียบ สงบ และรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง การทำสมาธิสอนให้เรารู้จักจัดระเบียบของความคิดที่ยุ่งเหยิงของเรา ขณะที่มีสมาธิ จิตของเราจะหยุดนิ่ง ซึ่งนำมาซึ่งความสงบและความเบิกบาน การทำสมาธิจึงเป็นการผ่อนคลายที่ดีที่สุด คุณลองหาเวลาวันละ 10 - 15 นาทีเพื่อทำสมาธิ แล้วคุณจะรู้ว่าโลกแห่งความสงบและผ่อนคลายที่แท้จริงเป็นอย่างไร4. ช้าๆได้พร้าเล่มงาม - การผ่อนคลายไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องปล่อยกายปล่อบใจอยู่ในสปา หรือบนชายหาดตลอดทั้งวัน เราจะต้องเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายท่านกลางกิจกรรมปกติของเรา การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่จะทำอย่างเป็นระบบ ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน จะช่วยให้คุณทำงานสบายขึ้น และได้ผลงานที่มากขึ้น ในขณะที่คุญทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ความสบสนวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น แล้วคุณก็จะไม่รู้สึกถึงการผ่อนคลายได้เลย เริ่มทำงานที่สำคัญมากที่สุดและเร่งที่สุดก่อน และวค่อยๆทำงานที่สำคัญลอองลงมา ค่อยๆทำอย่างรอบคอบ อย่ากดดันตัวเองให้ต้องทำงานให้มากที่สุด การทำวิธีนี้จะช่วยให้คุณทำงานถูกต้องมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ความสบายใจมีมากขึ้น นี่แหละคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับคุณ5. อย่าขึ้นผูกติดกับความคิดเห็นของคนอื่น - บ่อยแค่ไหนที่คุณยึดติดกับความคิดของคนอื่น ตอนที่เรากังวลว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร จะพูดอน่างไร นั้นก็คือเราได้สร้างภารทางใจให้กับตัวเอง เพราะลึกๆแล้ว เราพยายามต้องสนองความต้องการของคนอื่นอยู่ เราก็จะกดดันตัวเองและก็จะไม่มีทางที่จะผ่อนคลายเลย คุณรู้ไหมว่า คนอื่นก็มักจะคอยจับผิดเรา เราจะไม่มีทางดีพอสำหรับคนอื่นได้ ดังนั้น จงอย่าผูกติดตัวเองกับคำวิภากษ์วิจารณ์ของคนอื่นไม่ว่าจะเป็นในทางบวกหรือลบไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่สนใจความคิด เห็นของคนอื่น แต่หมายความว่า เราอย่าาทำให้ตัวเราต้องรู้สึกสนวุ่นวายใจเพียงเพราะความเห็นของคนอื่น เรารับฟังและนำมาคิดด้วยสติอย่างมีเหตุมีผล มันอาจจะทำยาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป คุณจะรู้ว่าคุณยึดติดกับความคิดผู้อื่นน้อยลงเรื่อยๆ6. ให้เวลากับตัวเอง - แบ่งเวลางานและเวลาส่วนตัวออกจากกันอย่างชัดเจน มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะว่างตลอด 24 ชั่วดมงเพื่อใครสักคน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า หัวหน้า หรือแม้กระทั่งเพื่อน จงรับโทรศัพท์หรือตอบ email ลูกค้า หรือหัวหน้าในเวลทำงานเท่านั้น เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งกวนใจ และบั่นทอนพลังกายและใจของคุณ7. การเปลี่ยนแปลงก็ดีไม่แพ้การพักผ่อน - ชีวิตเราคงไม่ดีแน่ถ้าเหมืนละครที่เล่นซ่ำไปซ่ำมา ถ้าคุณพบว่าคุณติดอยู่ในบ่วงของการทำสิ่งที่จำเจทุกวัน ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้สหล่ะ เช่น ถ้าคุณดูโทรทัศน์หรือท่องอินเตอร์เน็ตหลังอาหารเย็นทุกวัน วันนี้คุณลองเปลี่ยนมาเดินเล่นรอบหมู่บ้านดูบ้าง การได้ทำสิ่งอะไรใหม่ๆ พบเห็นสิ่งใหม่ๆ จะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้อย่างไม่รู้ตัวการผ่อนคลายง่ายเหมือนแค่การหายใจเมื่อใดที่คุณรู้สึกเครียดหรือกดดัน คุณลองกำหนดลมหายใจเข้า-ออก หายใจอย่างนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ แค่นี้คุณก็จะรู้สึกถึงความผ่อนคลายได้ไม่ยาก

from sanook

วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ผ่อนคลายสบายเท้า

โดยสิ่งที่ต้องใช้นั้นการทำสปานั้นก็สามารถหาได้ง่ายๆ ในครัวค่ะ อ๊ะอย่าเพิ่งงงก็ "มะขามเปียก" ยังไงล่ะค่ะ มะขามเปียกกับสบู่เหลวคือสิ่งที่เราจะใช้ในการทำสปาค่ะ รับรองว่าสาวๆ คนไหนที่มีปัญหาส้นเท้าแตกหรือเท้าแห้งเป็นขุยล่ะก็การทำสปาด้วยวิธีนี้จะทำให้ปัญหานั้นหมดไปค่ะ
ส่วนวิธีทำก็คือ ก่อนอื่นให้สาวๆ นำมะขามเปียกมาแช่น้ำอุ่นให้เปื่อยเล็กน้อย แล้วนำมาขัดเท้าค่ะ ตามด้วยสบู่เหลว(หรือถ้าไม่มีก็ใช้สบู่ก้อนก็ได้นะคะ) เลือกกลิ่นของสบู่ตามชอบเลยคะ จากนั้นก็ขัดไปเรื่อยๆ ให้รู้สึกผ่อนคลายสบายเท้าคะ สาวๆ อาจจะใช้แปรงสีฟันเก่าๆ (รีไซเคิล) เอามาถูไปถูกมาบริเวณที่แตกคะ จากนั้นล้างน้ำให้สะอาดให้เรียบร้อย
ขั้นตอนต่อมาก็ให้นำเอาสำลีชุบโทนเนอร์ มาเช็ดบริเวณส้นเท้านะคะ เห็นรึเปล่าล่ะคะว่ารู้สึกสบายและสดชื่นบริเวณเท้าจริงๆ เลยล่ะค่ะ
ผ่อนคลายสบายเท้า
ผ่อนคลายสบายเท้า
จากนั้นก็ครีมชนิดเข้มข้นอย่าง moiturizer โลชั่นน้ำนม ยี่ห้ออะไรก็ได้คะที่มีอยู่ที่บ้าน อาจจะเป็นครีมเก่าๆ ก็ได้ อย่างเช่น ครีมที่เข้ากับหน้าเราไม่ได้แต่เราชอบซื้อเพราะโฆษณาโดนใจ อะไรทำนองนั้นแหละคะ เท้าของเราน่ะรับได้หมดล่ะค่ะ จากนั้นก็ทำการนวดนะคะ
พอนวดจนรู้สึกว่าครีมเข้าที่แล้ว เราก็จะสังเกตได้เลยค่ะว่า เท้าของเราจะดูดี๊ ดี ดูเป็นเท้าดูดี มีสง่า สวย ขาว สะอาด สบายคะ อาทิตย์นึงทำซัก 2-3 ครั้ง แค่นี้เท้าของเราก็จะมีสุขภาพดีแล้วล่ะค่ะ
from dekd

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แหล่งช็อปปิ้งหลังพระอาทิตย์ตกดิน (ที่สินค้าราคาไม่แพง)

>> ตลาดนัดไฟฉาย ตลาดนัดสินค้ามือสองที่โด่งดังและเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ นอกจากมีเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรอะไหล่รถยนต์ราคาถูกแล้ว สีสันของสินค้ามือสองอย่างเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า กางเกงยีน และของจิปาถะอื่นๆ ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เปิดขายทุกวันเสาร์ตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน
>> ตลาดสะพานพุทธ ใครเป็นแฟนสินค้ามือสองและสินค้าวัยรุ่นมักจะไม่พลาดตลาดนี้ สินค้าเด่นต้องยกให้เสื้อผ้าวัยรุ่นและกางเกงยีนที่มีทั้งของเก่าและใหม่ รวมถึงร้านต่อผม ร้านสักที่มีลูกค้าแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนไปเคยขาด เปิดขายทุกวัน (เว้นวันจันทร์) ตั้งแต่หกโมงเย็นเป็นต้นไป เดินทางไปด้วยรถตุ๊กตุ๊กหรือรถแท็กซี่สะดวกสุด
>> ตลาดข้างเมเจอร์รัชโยธิน เปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนทุกวัน เริ่มต้นจากแหล่งขายของมือสอง ตอนนี้มีสินค้าใหม่เกินครึ่ง ขายเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ฯลฯ สาวนักช็อปฯ ซื้อได้สบายๆ ส่วนราคาสามารถต่อรองกันได้ แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน
>> ตลาดรัชดาฯ ไนท์ ตั้งอยู่ตรงหัวมุมสี่แยกรัชดาภิเษกตัดถนนลาดพร้าว เปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่ 1 ทุ่มไปจนถึงเที่ยงคืน มีสินค้าให้เลือกช็อปฯ มากมาย (ขอบอกนะจ๊ะว่าของมือสองที่นี่แจ่มมากๆ) ทั้งของกินสุดอร่อย เสื้อผ้าวัยรุ่น กางเกง กระเป๋า เข็มขัด สินค้า Hand Made สินค้ามือสอง และอุปกรณ์แต่งรถแบบที่มีให้เลือกกันแบบสะใจ แนะนำว่าควรไปโดยรถไฟใต้ดิน ลงสถานีลาดพร้าวทางออก 1 ลาดพร้าว 26 และควรติดไฟฉายไปด้วยจะได้เลือกซื้อของสะดวก
>> ตลาดนัดหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ หลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป บริเวณริมฟุตบาธหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จะเต็มไปด้วยร้านขายสินค้ามือหนึ่งและมือสอง ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ให้เดินชมเดินซื้อกันอย่างเพลิดเพลิน ราคาเริ่มต้นแค่หลักร้อยเท่านั้น

>> ใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS สยามฯ แหล่งช็อปฯ ยามค่ำคืน ของถูกของดีสามารถหาได้ที่นี่ ตลาดแบกะดินใจกลางเมือง เปิดเฉพาะวันอังคาร-อาทิตย์ เวลาประมาณ 21.00- 23.00 น. มีสินค้าให้เลือกช็อปฯ หลากหลาย ทั้งเสื้อผ้าสาวออฟฟิศ เสื้อผ้าวัยรุ่นรองเท้า กระเป๋า รวมถึงสินค้ามือสองน่าใช้ คุณภาพดี ที่ต้องลองคุ้ยหาดูในแต่ละแผง
เคล็ดลับช้อปปิ้ง : แหล่งช้อปปิ้งยามราตรี
>> ตลาดนัดคลองถม 2 (ตลาดยิ่งเจริญ) มีสินค้าหลากหลายครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของกิน ของใช้ ฯลฯ ที่นี่จะมีร้านสินค้ามือสองประมาณ 200 แผง และสินค้าใหม่ประมาณ 250 แผง รวมๆ แล้วก็มีร้านค้าประมาณ 450 แผง เรียกว่าเดินได้ทั้งคืน เปิดวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ ตั้งแต่ 18.00-22.00 น.
>> ตลาดปัฐวิกรณ์ (ถนนนวมินทร์) ตลาดนัดขนาดใหญ่ที่สินค้าส่วนใหญ่แทบจะเป็นของมือสองทั้งหมด สำหรับสินค้าที่มีวางจำหน่ายนั้นมีทั้ง เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ของกินของใช้ และสินค้าเบ็ดเตล็ดอื่นๆ อีกเพียบ ส่วนราคานั้นก็แสนจะย่อมเยามาก เปิดทุกวันตั้งแต่บ่ายโมงถึง 2 ทุ่ม แต่สินค้าจะเยอะและคึกคักมากที่สุดหลังหกโมงเย็นไปแล้ว

from dekd

วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สครับผิวสวยจากธรรมชาติ

การสครับผิวด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เป็นวิธีเผยผิวใหม่ให้มีความชุ่มชื่น นุ่มนวล ซึ่งส่วนมากนิยมใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากสารสกัดจากธรรมชาติ เพราะจะได้เม็ดสครับที่มีขนาดเล็ก ลดการเสียดสีระหว่างเม็ดสครับกับผิว พร้อมมีสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยย่อยสลายเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างอ่อนละมุน ในขณะเดียวกัน ก็ช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผิวจึงเนียนใสและมีสุขภาพดี ซึ่งสารสกัดจากธรรมชาติที่นิยมนำใช้ในการสครับผิวมีดังต่อไปนี้“เมล็ดกาแฟ” มนต์มหัศจรรย์ของกาแฟอีน กาแฟมีคุณสมบัติในการรักษาและถนอมผิว ด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวขจัดพิษให้กับผิวชั้นนอก และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวชั้นในให้ดูเปล่งปลั่ง พร้อมปรับสภาพความดันโลหิตและกระตุ้นการเผาผลาญไขมันใต้ชั้นผิวด้วย“ใบชาเขียว” สมุนไพรสุดฮิตของคนตะวันออก มีคุณสมบัติช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง โดยจะขับสารแอนตี้ออกซิแดนท์ โพลีฟีนอล ที่มีความสามารถในการฟอกออกซิเจนให้ผิวกลับมาเปล่งปลั่ง นอกจากนี้ ยังมีสารกาเฟอีนและสารฝาดแคททิคิน ที่ช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมในร่างกายให้ดีขึ้น เผาผลาญไขมัน ลดริ้วรอยในชั้นผิว ทำให้ผิวกระจ่างและสมบูรณ์ขึ้น“ลาเวนเดอร์“ เอสเซนเชียลออยล์แห่งการบำบัด มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูและผ่อนคลายร่างกายไปพร้อมๆ กัน ขณะเดียวกัน ก็ช่วยลดอาการปวดหัวและไมเกรน ควบคุมและปรับสมดุลระบบทำงานของต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย“ผลส้ม” อุดมด้วยคุณค่าจากธรรมชาติ โดยเฉพาะ วิตามีนซี ที่มีสารช่วยขจัดความหมองคล้ำของผิวพรรณ บำรุงผิวใหม่ให้ขาวเนียน และลบรอยแห้งกร้าน ทำให้ผิวพรรณแข็งแรงขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ได้ไอเดียดีๆ กันแล้วจากนี้ไปทุกคนคงเตรียมพร้อมรับสิ่งดีๆ ที่กำลังจะเข้ามาในชีวิต ด้วยความสดใสเปล่งปลั่งของสุขภาพผิวที่ดี และรอยยิ้มสดใสของสุขภาพกายแถมมาอีกด้วย