วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

6 พฤติกรรมที่สาวๆ หุ่นสวยไม่ควรทำ

ถึงแม้ว่าคุณจะมีรูปร่างที่เพรียวสวยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่อ้วนได้ เพราะถ้าหากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ก็จะส่งผลกระทบได้ในอนาคตอันใกล้ค่ะ ซึ่งเราก็มีพฤติกรรมแย่ๆ ที่ไม่ควรทำมาบอกให้ได้เป็นความรู้ จะได้ไม่ทำจนหุ่นสวยเสียไปซะก่อนนะคะ

1. ทำงานตอนกลางคืน

เวลาเย็นถึงค่ำควรเป็นเวลาที่เราจะได้ผ่อนคลาย แต่ถ้าคุณยังขยันนั่งทำโอทีอยู่ ความเครียดนี่ล่ะจะไปกระตุ้นฮอร์โมนให้เกิดการสะสมไขมันที่หน้าท้อง คนที่ยิ่งเครียดจึงมักจะยิ่งลงพุง และถ้าคุณทำงานดึกจนกระเพาะย่อยอาหารเย็นไปหมดแล้ว น้ำย่อยก็จะเริ่มออกมาอาละวาดอีกรอบ จนต้องวิ่งหามื้อดึกกันตาลาย และนั่นก็เป็นที่มาของไขมันส่วนเกินที่สะสมขึ้นเรื่อย ๆ

2. ให้อาหารเป็นรางวัลตัวเอง

การที่คุณเป็นคนชอบสังสรรค์ หรือชอบพาเพื่อน ๆ ไปกินเลี้ยงกันจะทำให้คุณอ้วนเร็วมากแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะด้วยพฤติกรรมนี้ จะทำให้คุณติดนิสัยการช่างกินอย่างไม่ทันสังเกต

3. ไปซุปเปอร์มาเก็ตตอนหิว

รวมทั้งร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านด้วย เพราะคนที่เดินผ่านขนมเรียงรายสองข้างทาง โดยมีน้ำย่อยร้องหาอาหารอยู่ในกระเพาะ มักจะลืมตัวซื้อของกินมากกว่าปกติและมักจะเป็นอาหารต้องห้ามประเภท คุ้กกี้ เค้ก ช็อกโกแลต ที่ไม่มีโอกาสได้กินระหว่างไดเอท

4. ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่

เสื้อผ้าหลวม ๆ อาจจะใส่สบาย แต่มันจะทำให้คุณไม่รู้ตัวว่าอ้วนขึ้นและคนที่ใส่กางเกงตัวใหญ่ ๆ มักจะกินตามสบายแบบลืมอิ่ม เพราะกางเกงไม่ช่วยบอกเลยว่าถึงเวลาที่ต้องหยุดได้แล้ว นอกจากนี้คนที่ใส่เสื้อผ้าพอดีตัวจะควบคุมรูปร่างได้ดีกว่าร้อยละ 20 เลยทีเดียวค่ะ

5. ไม่นับแคลอรีอาหาร

อย่างน้อยคุณก็ควรจะมีสมุดจดบันทึกอาหารจานเด็ด ที่กินเข้าไปอย่างคร่าว ๆ จะได้กะได้ถูกว่าวันนี้กินเข้าไปมากน้อยแค่ไหน และมื้อเย็นยังจะกินตามใจปากได้อยู่หรือเปล่า คนที่ไม่จดเลยมักจะรู้สึกเราก็ไดเอทอยู่ตลอดเวลานี่นา เพราะไม่ได้กินอะไรหนัก ๆ เลย แต่ลืมคิดไปว่ากล้วยแขก 2-3 ชิ้น โดนัท 1 อัน ทุเรียน 1 เม็ดที่กินรองท้องไป รวม ๆ กันแล้วให้พลังงานมากกว่าข้าวทั้งจานเสียอีก


6. ออกกำลังแบบซ้ำซาก

การออกกำลังกายท่าเดิมทุก ๆ วัน ช่วงแรกอาจได้ผลดี แต่ต่อมาร่างกายคุณจะเริ่มเคยชินกับการเคลื่อนไหวแบบนั้น และจะเริ่มใช้พลังงานน้อยลง นั่นเพราะร่างกายปรับตัวได้แล้วเลยไม่ต้องออกแรงมากเท่าวันแรก ๆ จึงควรจะเปลี่ยนท่าหรือวิธีออกกำลังกายทุก 2 อาทิตย์ เพื่อให้น้ำหนักลดลงสม่ำเสมอหรืออาจจะออกกำลังกายหลาย ๆ อย่างรวมกันก็ได้ค่ะ

from kapook.com

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วิธีดูแลเส้นผมหนีภัยร้ายใกล้ตัว

"ผม" หมาย ถึงเส้นผมที่อยู่บนหนังศีรษะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสีย ความร้อน และผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิกลักษณะของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อจิตใจของคน ใครที่พบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมหงอก อาจก่อให้เกิดปัญหาทางใจ เช่น ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้

สาเหตุของปัญหาผม

ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้

แชมพู

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผม คือสิ่งใกล้ตัวท่านแต่ถูกมองข้าม นั่นคือ แชมพูที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ แม้บางท่านจะบอกว่าท่านเปลี่ยนยี่ห้อไปอยู่เรื่อยๆ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสารทำความสะอาดที่ถูกผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ (แม้ในแชมพูที่ผสมสมุนไพรและอ้างว่าจากธรรมชาติ) ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงและมีความเป็นด่างสูง

เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate; SLS) ซึ่ง ให้ฟองได้มาก ราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย เช่นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตกค้างสะสมและทำลายเซลผม (รวมถึงรากผม เซลสร้างเม็ดสี และเส้นผม) และเซลผิวหนัง เมื่อใช้บ่อยๆจะยิ่ง กระด้าง แห้ง แข็งเป็นไม้กวาด เริ่มหวีไม่อยู่ทรง และ ทำให้หนังศีรษะมัน มากขึ้น

เนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารชะล้างอย่างรุนแรงและจะชะล้างไขมันตาม ธรรมชาติ(ที่ช่วยเคลือบให้ผมมันเงา) จึงทำให้ร่างกายต้องขับไขมันออกมาชดเชยมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของคนที่หนังศีรษะมันยิ่งสระผมหนังศีรษะก็ยิ่งมัน บางรายเกิดการระคายเคืองเซลผิวชั้นหนังกำพร้าทำให้เกิดเป็น รังแค แต่ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ซื้อแชมพูขจัดรังแคมาใช้

ซึ่งแชมพูประเภทนี้นอกจากจะมีสาร SLS แล้ว ยังผสมสารยับยั้งการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติของเซลชั้นหนังกำพร้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อหยุดใช้อาการที่เป็นก็กลับมาเป็นอีก ทำให้เซลผิวต้องสัมผัสกับสารเคมี และถูกกดการทำงานอยู่ตลอด ทำให้เป็น รังแคเรื้อรัง

ครีมนวดผม/ทรีทเม้นท์หมักผม

สำหรับผู้ที่ชอบให้ผมนิ่มลื่น อาจยังไม่รู้ถึงพิษภัยจากสารกลุ่มซิลิโคน (มักมีชื่อลงท้ายด้วย "thicone") เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone) ไดเอทธิโคน (Diethicone) หรือ อื่น ๆ เป็นสารเคลือบเส้นผมทำให้ผมนิ่มลื่น เป็นมันวาว มีสปริง หวีง่าย แต่จะตกค้าง เคลือบรูเส้นผม เมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆจะเกิดการสะสมอุดตันรูเส้นผม ทำให้เซลผมทำงานผิดปกติ การขับของเสีย การดูดซึมสารอาหารลดลง และทำให้ ผมร่วง เมื่อใช้ในระยะยาว

ที่เลี่ยงยากคือ สารเพิ่มฟอง เพิ่มความข้น ตัวฉกาจที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คือ DEA (ได เอทธานอลาไมด์) ซึ่งเกรงกันว่าอาจก่อ มะเร็ง จนในบางประเทศต้องให้ยกเลิกการใช้ สารอีกกลุ่มที่อาจก่อให้เกิด การแพ้ จากการใช้เป็นประจำแต่คนก็ชอบใช้คือ กลิ่นสังเคราะห์หอมๆ สีสังเคราะห์สวยๆ และลาโนลิน (Lanolin)

Demodex ไรขนที่คุณอาจไม่รู้

อีกสาเหตุหนึ่งที่คุณอาจไม่รู้คือ ไรขน (Demodex) ซึ่ง ติดต่อโดยการสัมผัส ตัวไรแพร่พันธุ์ อาศัยอยู่และแย่งกินสารอาหารที่รากผมทำให้ผมขาดสารอาหาร ผมจึงมี ขนาดเล็ก บางลง สีจางลง ขาดความมีชีวิตชีวา และหงอก นอกจากนั้นยังอาจทำลายโครงสร้างของเซลผม ทำให้ ผมร่วง หรือ หงิกงอ

เมื่อตัวไรคืบคลานไปบนหนังศีรษะหรือผิวโดยเฉพาะเวลากลางคืนจะทำให้ท่านที่มีประสาทไว (Sensitive) รู้สึก คันยิบๆ ขณะเดินทางมันจะปล่อยของเสีย และทิ้งคราบที่ลอกออกมา ทำให้เกิดขยะบนหนังศีรษะ หรือผิวหนังของเรา ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย ไวรัส และริกเก็ทเซียที่เกาะอยู่ตามข้อต่อเล็กๆ ของขาตัวไร จึงก่อให้เกิดการติดเชื้ออักเสบเป็น สิว หรือ ตุ่มแดง บนหนังศีรษะ

และที่สำคัญ หากร่างกายเกิดการต่อต้านของเสียที่ตัวไรขับออกมา และซากตัวไรที่ตาย ทำให้เกิดปฏิกิริยา แพ้ (Sensitization) เช่น แพ้เครื่องสำอาง สบู่ หรือแม้แต่เหงื่อของตัวเอง

และเนื่องจากที่ขาของตัวไรมีเล็บแหลมคมสำหรับเกี่ยวจึงทำให้ผิวหนังเกิดการ ระคายเคืองและมีปฏิกิริยาโต้ตอบ โดยการสร้างผนังเซลผิวชั้นนอกขึ้นอย่างรวดเร็ว(Proliferation of Epithelium) ทำให้ผนังเซลพอกหนาและหลุดร่อนออกมาเร็วกว่าปกติเกิดเป็น รังแคหรือ สะเก็ด บนหนังศีรษะ
from kapook.com

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จุดแดง

จุดแดง จ้ำเลือด
มีวิธีตรวจง่ายๆ เพื่อแยกว่า จุดผื่นหรือจ้ำนั้นเกิดจากโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติทางเลือดหรือเปล่านั้น สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ใช้นิ้วมือรีดหนังบริเวณนั้นให้ตึง ถ้าจุดหรือผื่นนั้นจางหายไป ก็ไม่เกี่ยวกับเลือดออก (เช่น รอยยุงกัด) แต่ถ้าไม่จางหายก็แสดงว่ามีเลือดออกที่บริเวณนั้น

อาการเลือดออกตามผิวหนัง ถ้าเกิดเป็นจุดแดงๆ เล็กๆ เท่าหัวเข็มหมุด ก็เรียกว่า จุดแดง หรือเพเตเคีย (Petechiae) ถ้าเป็นจ้ำเขียวหรือม่วงขนาดโตกว่าปลายนิ้วมือขึ้นไป ก็เรียกว่า จ้ำเขียว ชาวบ้านเรียกพรายย้ำ ทางแพทย์เรียกเอคไคโมสิส (Ecchymosis)

จุดแดง และจ้ำเลือด อาจขึ้นได้ทั่วร่างกายที่หน้าผาก แขนขา หน้าอก หลัง บางครั้งขึ้นที่ตาขาว อาจมีเลือดออกตามที่ต่างๆ เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น

สาเหตุ เกิดจากความผิดปกติของเกร็ดเลือด (เพลตเลต-Platelets) ซึ่งเป็นเม็ดเลือดชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว หรือความผิดปกติของสารอื่นๆ ในเลือดที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวก็ได้ เช่น ไข้เลือดออก โรคโลหิตจางอะพลาสติก หรือ ไขกระดูกฝ่อ (มีอาการไข้ซีด มีเลือดออก แต่ตับม้าม ต่อมน้ำเหลืองไม่โต) มะเร็งในเม็ดเลือดขาว หรือ ลิวคีเมีย (มักมีตับม้ามโต ต่อมน้ำเหลือโตทั่วตัว) โรคเอสแอลอี (มีอาการผมร่วง ฝ้าแดงเหมือนแพ้แดดขึ้นที่ข้างจมูก ปวดข้อ) หรือเกิดจากพิษงูกะปะ งูแมวเซา เป็นต้น

การรักษา เมื่อพบมีจุดแดง จ้ำเขียว พรายย้ำ เกิดขึ้นควรปรึกษาหมอ โดยเฉพาะถ้ามีอาการไข้ซีด เหลือง เลือดออกตามที่ต่างๆ ตับม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโต
from ramaclinic.ra.mahidol.ac.th

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับแต่งหน้าในเวลารีบเร่ง

สาว ๆ หลายคนอาจจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ที่พอตื่นนอนทีไรก็แอบปิดนาฬิกาปลุกนอนต่อซะทุกที กว่าจะตื่นอีกทีก็เหลือเวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่มากนัก และแน่นอนว่า มันก็ทำให้เวลาแต่งหน้าของคุณเหลือน้อยนิดไปด้วย แต่จะทำอย่างไร หากคุณอยากจะออกจากบ้านแบบสาวมั่นและใบหน้าที่สวยใส แต่มีเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยมีเคล็ดลับดี ๆ มาบอกกัน ให้คุณแต่งหน้าในเวลารีบเร่งได้ภายในไม่กี่นาที ไปดูกันเลยดีกว่าว่า มีอะไรบ้าง

1. ก่อนอื่นต้องล้างมือล้างหน้าให้สะอาด แล้วลงครีมตัวใดตัวหนึ่งที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดลงบนใบหน้า เพราะหากคุณทาครีมหลายตัว แล้วรอให้ครีมแต่ละตัวซึมลงไปบนใบหน้าก่อน นั่นทำให้คุณเสียเวลามากค่ะ ดังนั้นเลือกมาเพียงหนึ่งก็พอ

2. ลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์เพิ่มความสว่างใส โดยใช้พู่กันเกลี่ยอย่างเบามือ และแตะคอนซีลเลอร์ในจุดที่ต้องปกปิดเพียงเล็กน้อย อ้อ อย่าลืมทารองพื้นที่เปลือกตากับริมฝีปากด้วยนะ เพราะจะทำให้เครื่องสำอางติดทนนานค่ะ

3. เมื่อคุณลงรองพื้นแล้ว อย่าเพิ่งลงแป้งถ้าหากคุณใช้บลัชออนชนิดครีม ให้บีบมันเล็กน้อยและเกลี่ยมันลงไปเบา ๆ บนพวงแก้ม วิธีนี้จะง่ายและทำให้เนื้อบลัชออนกลมกลืนกับใบหน้า ที่สำคัญใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง หลังจากนั้นให้ใช้พู่กันปัดแป้งฝุ่นให้ทั่วใบหน้า

4. ปัดมาสคาร่าคิ้วและเน้นที่ขนตาหนา ๆ เพื่อให้ดวงตาคุณเด่นขึ้นมาโดยไม่จำเป็นต้องกรีดอายไลเนอร์ก็ได้ และถ้าเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการกรีดอายไลเนอร์หากคุณไม่ชำนาญจริง ๆ เพราะนอกจากจะทำให้คุณออกจากบ้านช้าแล้ว การกรีดอายไลเนอร์ในเวลารีบเร่งยังทำให้คุณต้องแก้แล้วแก้อีก สุดท้ายก็ใช้เวลาเท่ากับตอนที่ไม่รีบนั่นแหละ

5. จากนั้นเน้นดวงตาให้โดดเด่นด้วยอายแชโดว์เล็กน้อย อ๊ะ ๆ ไม่ต้องไล่สีซะหลายสีนะคะ เอาเป็นเฉดเดียวก็พอ และเวลารีบเร่งแบบนี้ แนะนำอายแชโดว์ที่ให้ประกายมุกเยอะ ๆ หน่อย แต่งออกมายังไงก็ดูดีเจ้าค่ะ

6. ใช้ลิปไลเนอร์เขียนขอบปากแล้วตามด้วยลิปสติกเหมือนปกติ แต่หากรีบเร่งมากจริง ๆ ลิปกลอสช่วยคุณได้ในทุกสถานการณ์ แถมยังวาวใสทำให้คุณดูมีเสน่ห์แบบใส ๆ อีกด้วย

7. อย่าลืมพกกระเป๋าเครื่องสำอางไปด้วยล่ะ เพราะแน่นอนว่า การแต่งหน้าในเวลาเร่งรีบอาจทำให้คุณเก็บรายละเอียดบนใบหน้าได้ไม่หมด ดังนั้นอย่าลืมเชียวนะคะ เพราะอย่างน้อยมีเวลาเมื่อไหร่ คุณก็พร้อมจะเอามันขึ้นมาเติมเต็มความสวยของคุณอีกที

เอาล่ะค่ะ คราวนี้สาว ๆ ที่มีเวลาแต่งหน้าน้อย ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเพียงไม่กี่นาทีคุณก็สามารถเนรมิตความสวยบนใบหน้าได้ พร้อมที่จะออกไปข้างนอกอย่างมั่นใจเหมือนทุก ๆ วัน

from kapook.com

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สูตรลับหน้าใสของสาวนอนผิดเวลา

คนที่นอนน้อย นอนผิดเวลา และอดนอน ผิวจะไม่เปล่งปลั่งสดใส แถมยังอ้วนง่าย คนข่าวที่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสองทุกวันอย่าง คุณกุ๊ก-กฤติกา ศักดิ์มณี จึงต้องจัดระเบียบทั้งการกินและนอน เพื่อรับมือกับปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

"กุ๊กตื่นนอนตั้งแต่ตีสอง ระหว่างขับรถมาทำงานจะกินนม ขนมปังเหมือนเป็นอาหารเช้า ช่วง 10 โมงจะกินมื้อเที่ยง ต่อด้วยอาหารเย็นตอนบ่ายสองโมง สี่โมงเย็นก็เข้านอนแล้ว เพราะวิถีชีวิตไม่เหมือนคนอื่น กุ๊กจึงเคร่งครัดกับตารางชีวิต แต่ละวันต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ห้องนอนต้องจัดให้มืดเพื่อให้หลับสนิท"

"ปกติร่างกายคนเราจะได้หลั่งโกร๊ธฮอร์โมนเพื่อช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวใน ช่วงกลางคืน แต่เมื่อเปลี่ยนมานอนกลางวันกุ๊กจึงต้องชดเชยด้วยอาหารที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว โดยกินแป้งน้อย เน้นปลา ผัก ผลไม้สดที่มีวิตามินบีและซีเพื่อเพิ่มความสดชื่น ช่วยลดความเครียดจากการอดนอน ระหว่างมื้อจะดื่มน้ำผลไม้ เป็นน้ำแครอทปั่นผสมกับผลไม้อื่น ๆ ซึ่งคุณพ่อจะเตรียมไว้ให้เสมอ ช่วงหลังหันมาดื่มน้ำมะพร้าวด้วยเพราะคุณอาแนะนำว่าเป็นน้ำผลไม้ที่ปราศจาก สารพิษ"

"หากอยู่บ้านในช่วงวันหยุดกุ๊กจะชอบหมักผมด้วยน้ำมะกรูดหรือน้ำมันมะกอก ใช้เปลือกมะนาวถูเล็บถูมือ หรือขัดผิวด้วยมะขามเปียก ซึ่งก็เป็นสูตรง่ายๆ ที่ทำได้ทุกคน"

สูตรพอกหน้าใส

ส่วนผสม

- ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศลูกใหญ่ปั่นละเอียด 2 ลูก
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

นำ ส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15-30 นาทีแล้วล้างออก หากเหลือเก็บใส่กล่องแช่เย็นได้นาน 1 สัปดาห์

from kapook.com