วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ล้างหน้าอย่างไรให้หน้าใสตลอดทั้งวัน

สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย หลังจากที่เราโบ๊ะหน้ามาตลอดทั้งวันแล้ว กลับบ้านก็ถึงเวลาที่จะต้องให้หน้าได้พักผ่อนกันบ้าง โดยการล้างหน้าให้สะอาด ปราศจากเครื่องสำอาง ซึ่งต้องล้างให้ถูกวิธี ไม่งั้นหน้าก็ยับเยินหมด

ล้างหน้าอย่างไรให้ผิวใสตลอดวัน

เทคนิคการล้างหน้าที่ถูกวิธีเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะให้คุณผิวสวย แต่รู้ไหมครับว่าควรจะล้างหน้าวันละกี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ล้างอย่างไรถูซ้ายไปขวาหรือล่างขึ้นบน? ล้างด้วยสบู่หรือเจลหรือโฟมล้างหน้ากันดี? มีคำตอบเพื่อหน้าใสอยู่ทางนี้ครับ

เริ่มที่การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอครับ ตื่นนอนตอนเช้าและอาบน้ำตอนเย็นก็เพียงพอ ไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ กรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริง ๆ เช่น หลังเล่นกีฬา ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ก็อาจจะเพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้

ต่างหาก เวลาล้างก็ขอแค่ลูบไล้แต่เบามือ ไม่เช็ด ไม่ถู ถ้าใช้คลีนเซอร์หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้ากันตลบจนเกลี้ยงเกลา คงต้องเลิกนะครับเพราะจะทำให้ผิวถลอกลอกได้

หากคุณเช็ดถู ล้างหน้าแรงๆ จะเป็นการทำร้ายหน้าของคุณเอง และเราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อย ๆ มักจะคิดว่าดี แต่เป็นความเข้าใจที่ผิด และมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าตามมา

วิธีที่ถูกต้องและสมควรทำมากที่สุด ให้ใช้มาตรการ "ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด" แล้วจะหายเองครับ แต่ถ้าคุณแต่งหน้า มีเครื่องสำอางค์รองพื้นเต็มใบหน้า หากเครื่องสำอางค์ไม่ได้กันน้ำ คุณก็สามารถเลือกใช้สบู่เจลใสอ่อน ๆ ของเบบี้หรือของผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ เลือกประเภทที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ จะได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เวลาล้างก็แค่เอาน้ำลูบ ไล้ ๆ เบา ๆ ทั่วหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอย่างเบามือ แค่นี้ก็สะอาดแล้วล่ะครับ

หลังล้างหน้าให้ซับเบา ๆ ไม่เช็ด ไม่ถู ผิวจะได้ไม่หยาบกร้านและใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าเบาๆ นะครับ หากล้างหน้าเสร็จแล้ว คุณรู้สึกลื่น ๆ เหมือนไม่เกลี้ยง ซับหน้าเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนู ไม่ต้องไปวิตกจริตว่ามันจะลงไปอุดตันทำให้เกิดสิวหรอกนะครับ ถ้าจะเป็นสิวก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดจากฮอร์โมนเพศในตัวคุณเอง

โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าเบา ๆ เช้าครั้งเย็นหน ใช้สบู่เหลว ลูบไล้เบา ๆ เอาแค่พอลื่น ๆ ไม่ต้องสะอาดเอี่ยมอ่องนะครับ แล้วก็ซับหน้าเบา ๆ ตามด้วยโทนเนอร์อีกนิด แค่นี้หน้าของคุณก็สะอาดใสไปตลอดทั้งวันแล้วครับ

from http://www.weloveshopping.com/template/e7/show_article.php?shopid=138011&qid=65329

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ผอมเพรียวใน 5 ขั้นตอน

สาว ๆ ที่ต้องเสียสละเวลาออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ มาทุ่มเทให้กับวิธีการลดความอ้วนมาตลอดทั้งชีวิตคงรู้สึกเบื่อหน่าย วันนี้ WP เลยนำเคล็ด (ไม่) ลับ 5 วิธีที่จะทำให้คุณสาว ๆ ดูผอมเพรียวโดยที่ไม่ต้องวิ่งอยู่บนลู่วิ่งให้เหนื่อย หรือนั่งทนหิวข้าว จนตาลาย กันอีกต่อไป


1. หยุดกินหน้าทีวี

เชื่อหรือไม่ว่าการนั่งกินอาหารอยู่หน้าทีวี จะทำให้คุณสาว ๆ กินเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งเวลาขับรถหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็เช่นกัน ทางที่ดีควรย้ายทีวีให้ไกลจากโต๊ะอาหาร และหยุดพฤติกรรมนั่งกินอาหารหน้าทีวีโดยด่วน

2. เลือกอาหารเผาผลาญไขมัน

อาหารบางอย่างก็เป็นมิตรกับเราด้วยเหมือนกัน มันสามารถช่วยให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานดีขึ้น และบางครั้งก็ช่วยให้คุณหายอยากอาหารได้เช่นกัน รู้อย่างนี้เดินเข้าซูเปอร์มาร์เกตอย่าลืมมองหา ส้มเกรปฟรุต แอปเปิ้ล น้ำมันมะกอก เมล็ดทานตะวัน กระเทียม บลูเบอร์รี่ และถั่วอัลมอนด์ใส่ตะกร้า

3. ตั้งสติก่อนกินสลัด

ทันทีที่สลัดผักจานโตมาวางอยู่ตรงหน้า สาว ๆ หลายคนมักจะคิดว่า "ผักนี่แหละที่ฉันกินได้ ไม่ต้องกลัวอ้วน" ช้าก่อน... เพราะสลัดบางอย่างก็เพิ่มน้ำหนักได้เช่นกัน อย่างเช่น ซีซ่าร์สลัดที่โรยหน้าด้วยชีส เบคอน ขนมปังกรอบ ราดด้วยครีมสลัด เชื่อได้เลยว่าตัวเลขบนตาชั่งกำลังตามคุณมาติด ๆ

4. กินผลไม้วันละ 2 ครั้ง

ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในผลไม้จะเต็มไปด้วยน้ำและปราศจากไขมัน ดังนั้นถ้าคุณรับประทานอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้คุณผู้หญิงทั้งหลายกินอาหารอย่างอื่นได้น้อยลง เนื่องจากเหลือพื้นที่สำหรับอาหารในกระเพาะอาหารน้อยลง

5. เลิกนิสัยเสียดายได้แล้ว

เพราะเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ว่า ต้องกินข้าวให้หมดจานไม่ว่าของกินจะเยอะแค่ไหนก็ตาม อย่าลืมว่านี่แหละ คือสาเหตุที่ทำให้คุณสาว ๆ อ้วนได้ ฉะนั้นคราวหน้าควรกลัวอ้วนมากกว่ากินไม่หมด

from kapook.com

วิธีดูแลผิวลำคอ ให้งามระหง

มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้าก็สามารถใช้บำรุงผิวคอได้ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและไม่มีน้ำมันมากเกินไป (แต่ประสิทธิภาพอาจสู้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคอโดยเฉพาะไม่ได้)


สำหรับในช่วงเวลา กลางวัน ทาผลิตภัณฑ์กันแดดบริเวณใบหน้าแล้ว อย่าลืมทาเลยมาที่ลำคอด้วย ไม่อย่างนั้นผิวหน้าและคอจะมีสีไม่เสมอกัน ส่วนมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงเมืองร้อนอย่างบ้านเราใช้เฉพาะกลางคืนก็ได้


เวลาทาควรเงยหน้า เล็กน้อย แล้วลูบไล้ครีมจากบริเวณไหปลาร้าขึ้นไปยังคางและใบหู โดยกดน้ำหนักมือเล็กน้อยเพื่อเป็นการนวดยกกระชับผิวไปในตัว


สาวไหนแต่งหน้าแล้วปัดแป้งเลยมาถึงลำคอ อย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางทำความสะอาดลำคอให้หมดจดด้วย


ถูเปลือกมะนาวที่ คั้นน้ำออกหมดแล้วให้ทั่วลำคอ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดคราบสกปรกที่ตกค้างออกได้ดี



ก่อนเข้านอน บริหารลำคอด้วยการหมุนคอตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกา อย่างช้าๆ เพื่อเป็นการยืดกล้ามเนื้อที่ใช้มาทั้งวัน

from mthai.com

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จัดการกับผิวหลังโดนแดดเผา

หลังจากสุดสัปดาห์ริมทะเล ทั้งเล่นน้ำ นอนอ่านหนังสือ ชิลชิล แต่กลับต้องแลกมาด้วยอาการแสบผิว คัน จนหนังลอก

วิธีการเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการ เพื่อเตรียมฟื้นฟูผิวคุณได้
1. ทำให้ผิวเย็นลง

เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีอาการผิวหนังเริ่มลอก ให้พยายามทำให้ผิวหนังเย็นลง การอาบน้ำเย็นแล้วซับด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ หนา ๆ จะช่วยให้ผิวคุณชุ่มชื่นขึ้น แต่อย่าใช้การเช็ดหรือถูผิวให้แห้งนะคะ ยิ่งจะทำให้ผิวหนังลอกออกไปมากขึ้น

2. ทาครีมบำรุงผิว

หาครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ทาเพื่อให้ความชุ่มชื้นติดอยู่กับ ผิวให้นานที่สุด สารสกัดจากว่านหางจระเข้ซึ่งเป็นสมุนไพรธรรมชาติมีคุณสมบัติช่วยในการรักษา แผล และผิวหนัง

3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

เมื่อผิวหนังของคุณเริ่มเสียหายไป การรักษาให้กลับมาดีใหม่ก็ต้องเริ่มจากร่างกายของคุณ ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ เพื่อเสริมสร้างความชุ่มชื้นของผิวหนัง น้ำประมาณ 8-10 แก้วต่อวันในช่วงนี้จะดีต่อผิวพรรณของคุณ

4. หยุดเกา

อันนี้อาจจะยากสำหรับบางคน แต่การเกาหรือแกะผิวหนังที่ลอกออก อาจจะทำให้ผิวหนังส่วนที่ยังดีหลุดติดออกมาด้วย และอาจทำให้เกิดแผลเป็นขึ้นมาได้ วิธีการบรรเทาอาการคันทำได้โดยใช้การประคบน้ำแข็งค่ะ

5. ป้องกันผิวอย่างสม่ำเสมอ

และข้อสุดท้าย คราวหน้า ถ้าอยากจะสนุกริมหาด หรือบริเวณแดดแรงๆ อย่าลืมปกป้องผิวของคุณก่อนด้วยครีมกันแดด และถ้าลงไปเล่นน้ำก็อย่าลืมทาครีมเพิ่มลงไปทุกครั้งที่ขึ้นจากน้ำแล้วยังไม่ ได้เข้าไปในที่ร่ม ทาครีมให้ทั่วใบหน้าและผิว บางส่วนเช่นหลังหูมักจะถูกลืมเสมอ ๆ สำหรับสาว ๆ มือใหม่หัดตากแดด

from kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สาวแก้มยุ้ยก็มีโหนกแก้มสวยโดดเด่นได้

Q : ฉันเป็นคนหน้าอิ่ม เลยไม่ค่อยมีโหนกแก้มให้เห็น มีวิธีไหนที่จะทำให้โหนกแก้มดูโดดเด่นขึ้นมาได้บ้างคะ?

A : ในการทำให้โหนกแก้มของคุณลอยเด่นขึ้นมานั้น คุณจำเป็นต้องมี บรอนเซอร์ โทนสีที่เข้มกว่าสีผิวของคุณเล็กน้อย รวมทั้งบลัชออนและผลิตภัณฑ์สำหรับทำไฮไลต์ด้วย

เคล็ดลับในการแต่งแก้ม คือ ดูดแก้มของคุณให้บุ๋มลง แล้วปัดบรอนเซอร์ลงไปตามรอยบุ๋มใต้โหนกแก้ม โดยปัดเฉียงๆ ขึ้นไปด้านบน จากนั้นเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้ม แล้วปัดบลัชออนลงบนแก้มที่นูนขึ้นมาเป็นก้อน ๆ จากการฉีกยิ้ม จบด้วยการปัดไฮไลท์ลงไปบนจุดสูงสุดของแก้ม

กุญแจสำคัญคือเกลี่ยทุกสิ่งทุกอย่างให้ดูกลมกลืนกัน อย่าให้เห็นรอยต่อของบรอนเซอร์ บลัชออน และไฮไลต์เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณอาจดูเหมือนงิ้วหลงโรงได้

from kapook.com

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคลียร์สิว ยิ้มรับหน้าใส

กมาตามรูขุนขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทำให้เกิดสิว สิวมีหลายชนิดที่พบบ่อยๆได้แก่ สิวธรรมดาหรือที่เรียกว่า Acne vulgalis สิวหัวดำ สิวที่มีการอักเสบเป็นหนอง บางรายมีตุ่มหนองด้วย




สาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดสิว
ฮอร์โมน ร่างกายสร้างฮอร์โมน Androgen ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม โดยมากฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11-14 ปีดังนั้นจึงพบสิวมากในวัยนี้และอาจจะอยู่ได้นานหลายปี
การผลิตไขมันมากขึ้นและร่วมกับเซลล์ผิวหนัง และเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว
มีการเปลี่ยนแปลงของรากขน รากผมเจริญเร็วเซลล์มีการแบ่งตัวเร็ว และมีเซลล์ที่ตายมาก จึงเกิดการอุดตันของต่อมไขมัน
แบททีเรียโดยเฉพาะชื่อ Propionibacterium acne จะทำให้เกิดการอักเสบของสิว




สิวมากหรือน้อยเกิดจากอะไรกันบ้าง
กรรม พันธ์
การ ทำงานของต่อมไขมัน ถ้ามากกว่าปกติจะผลิตความมันมากและร่วมกับการดูแลรักษาความสะอาดไม่ทั่วถึง ก็ทำให้เกิดสิว
อาหาร โดยทั่วไปไม่มีผลต่อการเกิดสิว แต่ก็มีความเชื่อกันว่าการทานอาหารที่มัน หรือหวานจะเกิดสิวได้ง่าย
อากาศ ขึ้นกับแต่ละคนบางคนเป็นมากในฤดูหนาว บางคนฤดูร้อน
อารมณ์ คนที่อารมณ์ดีจะเกิดสิวน้อยกว่าคนที่อารมณ์เสีย
เครื่อง สำอางค์เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิดสิว ควรสบู่ที่เหมาะกับสภาพผิวหนัง คนที่มีแห้งควรจะใช้สบู่ที่เป็นด่างอ่อน คนที่ผิวมันก็อาจจะใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างมากขึ้นได้ หรืออาจจะใช้สบู่ที่มีด่างอ่อนแต่ล้างหน้าบ่อยขึ้น
ครีม บำรุงผิวก็ต้องเลือกใหถูกกับผิวหน้า คนที่ผิวแห้งไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอร์เป็นส่วนประกอบ คนที่ผิวมันก็หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีความมันสูง
การ ระคายผิว เช่นการล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว
ยา บางชนิดทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น เช่น INH, Iodides, Bromide, Steroid, Testosterone Gonadotropine, Anabolic, steroid, ยาคุมกำเนิด






การรักษาสิว


งด ใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดสิว หรือเลือกเครื่องสำอางที่ถูกกับผิวหน้า


ห้าม บีบหรือแกะสิวโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สิวลุกลาม


อาหาร สามารถรับประทานได้แต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มัน และหวานและก็อย่ารับประทานมากจนอ้วน


ห้าม ถูหน้าแรงๆในขณะล้างหน้า ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งและใช้ผ้าซับเบาๆ


คน ที่หน้ามันให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนๆ


การ เลือกยาทาสิวขึ้นกับชนิดของสิวซึ่งควรจะปรึกษาแพทย์


การ เลือกรับประทานยาขึ้นกับแพทย์ที่ดูแลซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสม


การ กดสิว ใช้รักษาสิวทั้งชนิดหัวดำและหัวขาว แต่ในกรณีรูเปิดเล็กมากหรือปิด อาจจะต้องใช้เข็มหรือเลเซอร์เพื่อให้รูเปิดใหญ่ขึ้น การกดต้องทำให้ถูกวิธีเพราะหากกดผิดวิธีจะทำให้สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบ


การ ฉีดสิว ข้อดีทำให้การอักเสบลดลงเร็ว แวถ้าฉีดมากไปหรือลึกเกินไปจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเกิดรอยบุ๋ม


การ ใช้แสงเลเซอร์ซึ่งมีหลายชนิด สำหรับสิวและรอยสิวชนิดต่างๆ


การ ใช้เครื่องมือแพทย์หลายๆชนิด เช่น เครื่องมือผลักยารักษาสิว, การผลัดเซลล์ผิววิธีต่างๆ




การแบ่งชนิดของสิว


รูป ตัดขวางของผิวหนัง





A = ผิวหนังปกติ B=สิวหัวดำ C=สิวหัวขาว D= สิวที่เริ่มเป็นตุ่ม E=สิวอักเสบและเป็นหนอง




สาเหตุ
สิว เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนทำให้ต่อมไขมันทำงานผิดปกติทำให้เกิดสิว
สิว เกิดจากความสกปรกของใบหน้าใช่หรือไม่ หากคุณเชื่อว่าสิวเกิดจากความสกปรกคุณจะล้างหน้าบ่อยและล้างแรงซึ่งจะทำให้ หน้าสูญเสียน้ำมัน และความชุ่มชื้น ที่ผิวและเกิดระคายเคืองบนใบหน้าทำให้เกิดสิวมากขึ้น สิวมิใช่เกิดจากความสกปรกแต่เกิดจากเซลล์ที่ตายของผิวหนัง และสิ่งสกปรกร่วมกับไขมัน วิธีที่ถูกต้องให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งและซับเบาๆ งดการระคายผิว
สาเหตุ ของสิวส่วนใหญ่เกิดจากเครื่องสำอางที่ใช้
การ รักษาสิวต้องใช้เวลา ควรปรึกษาแพทย์
ความเครียดอาจจะทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
สิ่ง แวดล้อมก็มีส่วนทำให้เกิดสิว เช่นความสกปรก ละอองไขมันจากการปรุงอาหาร เป็นต้น

from mthai.com

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคล็ดไม่ลับพิชิตปัญหาผมแห้ง

ปัญหาผมแห้ง มักจะเป็นปัญหาเส้นผมที่สาว ๆ ส่วนใหญ่กำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากการใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผมในแต่ละวัน การดัด ย้อม ยืด ทำสี หรือแม้แต่การเผชิญกับมลภาวะในแต่ละวันก็ทำให้ผมแห้งเสียได้ไม่แพ้กันค่ะ

แต่ไม่ว่าผมของคุณจะแห้งด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอนำเคล็ดลับดี ๆ สำหรับการดูแลปรนนิบัติผมแห้งแตกปลายมาฝากกัน ด้วยสารพัดวิธีที่จะทำให้ผมคุณกลับมานุ่มสลวยและมีน้ำหนักอีกครั้ง เอาล่ะค่ะ ว่าแล้วก็ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

1. เริ่มจากการเลือกใช้แชมพู หากคุณคิดว่าแชมพูแรง ๆ จะฟื้นฟูผมแห้งเสียได้อย่างรวดเร็ว นี่เห็นจะเป็นความเชื่อที่ผิด ๆ แล้วล่ะค่ะ เพราะนั่นเป็นการซ้ำเติมผมคุณให้แห้งยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ดังนั้นสาว ๆ ฟังทางนี้ค่ะ จริง ๆ แล้ว แชมพูสำหรับผมแห้งนั้นควรเป็นแชมพูสูตรธรรมดาถึงอ่อนโยนมากกว่า เพราะการสระผมเป็นขั้นตอนของการทำความสะอาดผม ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แชมพูแรง ๆ เพื่อบำรุงเลยค่ะ

2. เลือกใช้คอนดิชันเนอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผม คอนดิชันเนอร์ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญของการบำรุงผมเลยทีเดียวค่ะ สำหรับสาว ๆ ที่ผมแห้งนั้น แนะนำให้ใช้คอนดิชันเนอร์ที่มีส่วนผสมของไข่ หรือน้ำมันมะกอก นวดลงบนศีรษะหลังสระผม แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนล้างออก

3. ควรล้างผมให้สะอาดทุกครั้ง มีสาว ๆ ไม่น้อยที่เชื่อว่า การล้างผมหลังนวดด้วยคอนดิชันเนอร์ ไม่ต้องพิถีพิถันกับมันมากก็ได้ ปล่อยให้คอนดิชันเนอร์ที่ติดค้างอยู่บำรุงผมต่อไปก็ไม่เสียหาย อ๊ะ ๆ นี่เป็นความเชื่อหนึ่งที่ผิดถนัดเลยนะคะ เพราะคอนดิชันเนอร์ที่ตกค้างอยู่ อาจทำให้ผมเสียและร่วงได้ง่าย ๆ เลยล่ะ ดังนั้น สาว ๆ จึงควรล้างผมจนแน่ใจว่าสะอาดจริง ๆ โดยเฉพาะหลังจากนวดด้วยคอนดิชันเนอร์ที่ล้างออกยากนี่แหละค่ะ

4. ใช้เซรั่มบำรุงผม คุณสามารถเลือกใช้เซรั่มหรือทรีทเม้นท์หลังจากสระผมแล้ว ด้วยผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาเส้นผมโดยตรง อย่างหากผมคุณแห้งเพราะทำสี ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่บำรุงผมเสียจากการทำสีโดยเฉพาะ แต่หากเป็นเพราะความร้อน อาจจะใช้สูตรเพิ่มความเงางามและมีน้ำหนักให้กับเส้นผมก็ได้

5. หมักผมด้วยน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันงา อย่างสม่ำเสมอ โดยหมักก่อนคุณสระผมประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมันงาและน้ำมันมะกอกซึมซาบเข้าบำรุงผมภายในค่ะ

6. อบไอน้ำ หรือ ทำทรีทเม้นท์ ให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่สำหรับสาว ๆ ที่ผมอ่อนแอ การอบไอน้ำอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักนะคะ เพราะเป็นวิธีที่ต้องใช้ความร้อน ดังนั้นแนะนำให้ทำทรีทเม้นท์ก็พอค่ะ หรือก็คือการหมักผมด้วยสมุนไพรและอาหารผมเข้มข้นนั่นแหละ

7. เลี่ยงการเป่าผมด้วยไดร์ เพราะอย่างที่บอกว่าความร้อนมักจะทำลายเส้นผมมากกว่าบำรุงผมเสียอีก ควรปล่อยให้ผมแห้งเอง หรือเป่าด้วยลมเย็นหรือพัดลมดีกว่าค่ะ

8. หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลิฟออนที่ปกป้องผมจากแสงแดด เพราะแสงแดดก็มีส่วนทำให้ผมแห้งเสียได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนะ

9. เลือกรับประทานอาหาร ที่อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน เหล็ก สังกะสี และโอเมก้า 3 เช่น ผักใบเขียว ถั่ว ไข่ แซลมอน เพราะอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเส้นผม ทำให้สุขภาพผมดีจากภายในค่ะ

10. เลือกใช้ทรีทเม้นท์ง่าย ๆ จากธรรมชาติ สลับกับการบำรุงผมด้วยผลิตภัณฑ์ในแต่ละวัน เช่น การหมักผมด้วยไข่แดง ว่านหางจระเข้ หรือกล้วยน้ำว้าบด เพราะวัตถุดิบจากธรรมชาติเหล่านี้ช่วยให้ผมดูสุขภาพดี มีน้ำหนักได้อย่างได้ผลเลยล่ะค่ะ

จาก 10 วิธีดังกล่าว สาว ๆ ควรทำให้ได้ทุกข้อนะคะ เพียงแค่คุณเจียดเวลามาดูแลเส้นผมของตัวเองวันละนิด เพื่อสุขภาพผมที่ดีอย่างแท้จริง และที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะบำรุงผมจนกลับมามีสุขภาพดีแล้ว ก็ควรดูแลผมอย่างต่อเนื่อง เพื่อผมสวยยาวนานค่ะ

from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฉันคนใหม่ หน้าใส ไม่มีรอยสิวอีกต่อไป

ถึงแม้ สิวจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัว เพราะตอนเป็นก็เจ็บ พอหายแล้วยังทิ้งรอยดำและรอยแผลเป็นไว้ให้ช้ำใจอีก ดังนั้นภาระกิจสำคัญของวันนี้ก็คือการค้นหาวิธีกำจัดรอยดำและรอยแผลเป็น จากสิวออกไปให้สิ้นซาก



มารู้จักรอยแผลหลังเป็นสิวกันก่อน
รอยสิวนั้นมีหลายลักษณะ เช่น รอยแผลเป็นนูนหรือคีรอยด์ รอยหลุมสิวขอบชัด ขอบไม่ชัด หลุมลึก หลุมตื้น หลุมกว้างหลุมแคบ และมีรอยแดงหรือรอยดำร่วมด้วย ซึ่งส่วนมากแล้วในหนึ่งคนจะมีหลายๆ รอยแผลรวมกัน เพราะฉะนั้นจึง ต้องใช้การรักษาหลายวิธีรวมกันถึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ยุคนี้เรามีแนวทางการรักษาแนวใหม่ ที่ทันสมัยปลอดภัย และเห็นผลไว้ด้วย เอาละ เรามาเริ่มปฎิบัติการลบรอยสิวกันดีกว่า




นานาวิธีแก้ปัญหาหลุมสิว
Fractional Laser เป็นการใช้เลเซอร์ชนิดลอกผิว ทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนังแท้ จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการรักษาแผลตามธรรมชาติ ช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ การรักษาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เติมเข้าไปในรอยแผลเป็นบุ๋ม รูขุมขนกระชับเล็กลง และลดริ้วรอยสึกได้

Skin Needling คือ การลงเข็มไปที่ผิวหนัา ทำให้เกิดรูขนาดเล็กเป็นร้อยๆ ครั้ง จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้หลุมตื้นรูขุมขนเล็กลง หน้าเนียนใส หลังทำอาจต้องมีการพักใบหน้าชั่วคราวเพราะจะมีอาการแดงประมาณ 3-5 วัน
Hypro Peel เป็นการใช้แรงดันน้ำฉีดพ่นเป็นละอองเล็กๆ ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง
Micro Dermabrasion เป็นการกรอผิวด้วยผงคริสตัล สามารถรักษาหลุมสิว แผลเป็น ริ้วรอยต่างๆ รวมถึงช่วยให้ผิวหน้าดูขาวสดใส เรียบเนียน วิธีนี้ก็จำเป็นต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องในการรักษาจึงจะเห็นผลดี เหมาะกับคนที่มีหลุมสิวหรือรอยที่ไม่ลึกมากนัก
Subcision คือ การผ่าตัดเลาะผังผืดให้แผลเป็น ด้วยใบมีดิเศษขนาดเล็กเท่าปลายเข็ม เพื่อยกผิวหนังขึ้นจากก้นแผล กระบวนการสร้างเนื้อเยื่อจะทำให้แผลตื้นขึ้นเหมาะกับหลุมสิวขนาดใหญ่และลึก โดยต้องอาศัยความชำนาญจากแพทย์ ควรรักษาดวยการใช้เลเซอร์หรือทำ Skin Needling รวมด้วยจะได้ผลที่ดีมาก




นานาวิธีแก้รอยดำหรือรอยแดงจากสิว
เลเซอร์ รอยดำหรือรอยแดงจากสิว คือเลเซอร์ แบบพิเศษ แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เลเซอร์สีเหลือง ซึ่งจะมีผลต่อเส้นเลือดเหมาะกับการรักษารอยสิวแดง และ ชนิดที่ 2 เป็นเลเซอรสีเขียวซึ่งจะมีผลต่อเม็ดสีของผิวหนังด้านบน ช่วยรักษารอยดำสิว

Soft peel Laser เป็นเลเซอร์ ที่อ่อนโยน ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีใหม่ และช่วยให้เม็ดสีเก่าจางลง เหมาะสำหรับลดรอยดำจากสิว และช่วยใหผิวดูกระจางใสขึ้น

Brighten Hi Treatment เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการส่งผ่านตัวยาลงสูผิวหนังชั้นลึก ซึ่งช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่าปกติ ผลที่ได้คือ ผิวแข็งแรง ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว เสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจน รอยดำสิวจะค่อยๆ จางลง หลังการทำ ผิวจะชุ่มชื่น เนียนนุ่มเปล่งปลงสดใส
from Mthai.com

ธัญพืช สำคัญอย่างไร

“เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ที่เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร เนื้อ นม เนย ไข่ กลายเป็นของหายาก และมีราคาแพง ประชาชนส่วนใหญ่จึงต้องรับประทานข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ย์เป็นหลัก ปรากฎว่าช่วงนั้นชาวยุโรปเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งน้อยมาก ทั้งนี้ เนื่องจาก ข้าวเมืองหนาวทั้ง 2 ชนิดนี้มีสารแอนติออกซิเดนต์สูง จึงช่วยป้องกันความเสื่อมและการถูกทำลายของเซลล์ทั่วร่างกายอันเป็นสาเหตุของมะเร็งได้”

นอกจาก ข้าวโอ๊ต และข้าวบาร์เล่ย์ ที่จัดเป็นธัญพืชเมืองหนาว หรือข้าวฝรั่ง ตามคำนิยามของอาจารย์สาทิสแล้ว ยังมี ข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวฟ่าง ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน

โดยข้าวสาลี จะมีประโยชน์สูงสุด ถ้าไม่ผ่านการขัดขาว ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นจมูกข้าวของข้าวสาลีพันธุ์ Wheat จะอุดมไปด้วยวิตามินอี รักษาสิวได้ชะงัดเชียวค่ะ

ส่วนข้าวไรย์ คนไทยอาจไม่คุ้นชื่อนัก แต่ข้าวไรย์เป็นพืชตระกูลข้าวสาลีที่มีประโยชน์สูง ไม่แพ้ธัญพืชชนิดอื่น โดยเป็นแหล่งรวมของวิตามินบี1 วิตามินบี2 และมีกรดอะมิโนไลซีนสูง ช่วยเสริมระบบการเผาผลาญอาหารและการเติบโตของร่างกาย

สุดท้ายในกลุ่มนี้ เป็นข้าวฟ่าง ที่อุดมไปด้วยเส้นใย จึงย่อยง่าย อีกทั้งยังมีสารโปรตีนในปริมาณใกล้เคียงกับถั่วเหลือง พร้อมธาตุแมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินบี3 สูง

ต่อมาเป็น กลุ่มธัญพืชคุณค่าสูง หากินได้ง่าย แถมราคาเบา

นำขบวนมาด้วย ข้าวโพดแหล่งคาร์โบไฮเดรต และสรรพคุณทางยา ช่วยบำบัดโรคดีซ่าน และตับอักเสบได้

ลูกเดือย ประกอบด้วยวิตามินบี 3, ธาตุแมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยบำรุงระบบการทำงานของประสาท

ลูกบัว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี และยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ ไต และประสาท แถมช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงได้ด้วย

ถั่วหลากชนิด ที่ชีวจิตแนะนำให้เป็นทางเลือก ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์

งา ธัญพืชสีดำ มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต และความเครียดได้

สำหรับวิธีการบริโภคในแบบชีวจิต นอกจากจะรับประทานควบคู่กับข้าวกล้อง ในปริมาณครึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมดในแต่ละวัน ตามที่อาจารย์สาทิสแนะนำแล้ว เรายังรับประโยชน์จากธัญพืชโดยการดื่มน้ำอาร์ซีได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากส่วนประกอบหลักของน้ำอาร์ซี คือ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ ลูกเดือย และลูกบัว ซึ่งมีดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอจากธรรมชาติ จึงทำให้ร่างกายกระปรี้ประเปร่า ลดอาการอ่อนเพลียได้เป็นปลิดทิ้ง

from cheewajit.com

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

3 วิธีเปลี่ยนผิวเสียเป็นผิวสวย

ชีวิตที่แสนยุ่งเหยิงของสาว ๆ ยุคใหม่เป็นต้นตอที่ทำให้ผิวสวย ๆ สามารถทรุดโทรมลงได้ อย่างง่ายดาย แต่อย่าเพิ่งตกใจไป ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่หมองคล้ำเพราะชีวิตอันแสนเครียดหรือสิวที่เห่อเต็มหน้าเพราะฮอร์โมนในร่างกาย เรามีวิธีเปลี่ยนผิวเสียให้กลับเป็นผิวสวยดังเดิมมาให้คุณแล้ว

1. ผิวเสียสวยเพราะความเครียด

คุณมีโปรเจ็กต์งานที่ต้องทำให้เสร็จ ขณะที่ชีวิตรักกับเขา คนนั้นก็ดูจะไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่นัก คุณรู้สึกไม่ค่อยดี เท่าไหร่นัก แถมผิวพรรณคุณยังดูแย่ตามไปด้วย

คุณดูเป็นยังไง? เงาที่มองอกมาจากกระจกคือหญิงสาวใบหน้าอ่อนโรย ผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำ แถมยังตาบวมและมีรอยคล้ำใต้ตาอีกต่างหาก

เกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในชีวิตที่ไม่เป็นใจทำให้คุณเครียดอย่างช่วยไม่ได้ และทุกครั้งที่คุณเครียดมันจะส่งผลกระทบไปยังผิวของคุณด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระบบร่างกายของคุณจะมีประสิทธิภาพน้อยลงในการส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกาย และผลของมันก็จะเห็นชัดเจนบนใบหน้า ที่ดูหม่นหมองและไร้ชีวิตชีวา แถมยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดสิวเห่อหรือรอยอักเสบแดงตามมาได้ และในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกต่างหาก

ทำยังไงดี ลดความเครียดของผิวด้วยการเพิ่มระดับแอนตี้ออกซิแดนต์ภายในร่างกาย และลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ วิธีหนึ่งก็คือการบริโภคผักและผลไม้มาก ๆ และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของแอนตี้อกซิแดนต์ อย่างเช่น สารสกัดจากชาเขียว หรือชาขาว ไลโคปีน น้ำมันเกรปซีด โคเอนไซม์คิว 10 หรือวิตามินอี ซึ่งใช้ได้ทั้งรับประทานหรือเจาะแคปซูลเอาน้ำมันใส ๆ ภายในมาทาลงบนผิวหน้าได้โดยตรง

2. สิวบุกเพราะฮอร์โมนทำพิษ

ถ้าคุณมีสิวที่ผุดขึ้นมาโดยหาสาเหตุไม่ได้ โดยเฉพาะที่บริเวณคางในทางการแพทย์จีนบอกว่า คางคือศูนย์รวมของฮอร์โมนเพศหญิง ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกินยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ หรือการหมดประจำเดือน ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อฮอร์โมนสามารถทำให้เกิดปัญหาผิวได้ทั้งสิ้น

คุณดูเป็นยังไง? มีสิวที่คาง ผิวหยาบกร้านสีผิวไม่เรียบเนียน มีรอยแดง และจุดด่างดำ

เกิดอะไรขึ้น เมื่อผู้หญิงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ไม่ว่าจะจากการมีประจำเดือน การกินยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ การทำงานของธัยรอยด์ผิวปกติ หรือเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ระดับของเอสโตรเจนที่แปรปรวนนี้จะส่งผลให้ผิวเกิดความอ่อนไหวและมีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างทันใด นั่นคืออาจทำให้ผิวคุณเปลี่ยน เกิดมันขึ้นมาอย่างกะทันหัน เกิดสิววัยผู้ใหญ่ รอยแดงและผื่นคัน

ทำยังไงดี ลองปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางออกให้แก่อาการแปรปรวนของฮอร์โมนไม่ว่าจะเป็นการรับฮอร์โมนทดแทน หรือใช้อาหารเสริม นอกจากนี้ เรียกความผุดผ่องของผิวกลับคืนมา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ออกมาแบบมาเพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมนในผิว ที่ใช้ฮอร์โมนที่ได้จากพืชหรือไฟโตเอสโตรเจน อย่างเช่น ถั่วเหลือง เพื่อเสริมการทำงานของผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ผิวแห้งกร้านเพราะไลฟ์สไตล์สุดหักโหม

เราทุกคนต่างเคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น ทำงานตลอดวัน และออกไปสนุกสนานตลอดทั้งคืนต่อเนื่องกัน แล้วก็ต้องตกใจที่ตัวเองดูแสนโทรมในสัปดาห์ถัดมา นี่คือราคาที่คุณต้องจ่าย จากการอดนอนสะสมกัน แอลกอฮอล์ และการเผชิญกับควันบุหรี่

คุณดูเป็นยังไง? ผิวแห้งกร้าน อาจมีรอยแตกหรือลอกอย่างชัดเจน และมีรอยดำคล้ำใต้ตา

เกิดอะไรขึ้น แอลกอฮอล์ทำให้ผิวอ่อนแอลงอย่างรุนแรง ลองคิดดูสิว่า แทนที่ออกซิเจนจะถูกส่งไปยังเซลล์ทั่วร่างกาย คุณกลับส่งแอลกอฮอล์ทั่วร่างกาย คุณกลับส่งแอลกอฮอล์ที่เป็นสารพิษไปแทน และถึงแม้คุณจะไม่ได้สูบบุหรี่ แต่บาร์ที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายและผิวของคุณได้ไม่แพ้กันอีกทั้งยังทำให้ระดับวิตามินซีในร่างกายของคุณลดลงอย่างมากด้วย

ทำยังไงดี ทุกครั้งที่ดื่มเหล้าหนึ่งแก้ว ให้ดื่มน้ำสะอาดตามไปด้วยแก้วหนึ่งเสมอ เพื่อให้ผิวของคุณได้รับความชุ่มชื้นตลอดเวลา และปกป้องผิวของคุณด้วยการใช้ครีมที่มีวิตามินซึ่งต่อสู้กับความเครียดและอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะพยายามเพิ่มวิตามินซีให้ผิวให้มากที่สุด เนื่องจากผิวจะสามารถรักษาวิตามินตัวนี้เอาไว้ในผิวได้น้อยลง และเตรียมพร้อมผิวก่อนไปปาร์ตี้ด้วยการเพิ่มวิตามินจำนวนมากเอาไว้ สู้กับควันบุหรี่และแอลกอฮอล์ที่จะทำร้ายผิวของคุณ

from kapook.com

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หมดเวลาของสาวหน้ามัน

ปัญหาหน้ามัน คงทำให้สาว ๆ หลายคนหมดความมั่นใจไปตาม ๆ กัน เพราะนอกจากจะมีผิวหน้าเป็นมันวาวแล้ว ยังแต่งหน้าติดยาก แถมยังเป็นบ่อเกิดของสิวและจุดด่างดำอีกด้วย (ว้าก... มีอะไรดีบ้างไหมเนี่ย)

ผิวมัน เป็นผิวที่มีความมันมากกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) เนื่องจากต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ ทำให้มีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าดูหยาบกร้าน หมองคล้ำ ไม่สดใส แต่... ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปค่ะ เพราะวันนี้เรามีสูตร (ไม่) ลับลดหน้ามันมาฝาก...

สิ่งที่ต้องเตรียม...

• แตงกวา 2 ลูก
• น้ำมะนาว
• ไข่ไก่ 2 ฟอง

วิธีทำ

นำแตงกวา 2 ลูกที่เตรียมไว้มาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด นำมาปั่นกับน้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะ และไข่ไก่ที่คัดเอาแต่ไข่ขาว 2 ฟอง

เมื่อปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จนเป็นเนื้อครีม จากนั้นก็นำมานวดหน้าเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก พอกทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ทำสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความมันบนใบหน้าของคุณได้แล้วล่ะค่ะ

from kapook.com

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หน้าใสไร้สิวใน 30 วัน

เพราะเรื่องสิวไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สาว ๆ หลายคนจะเป็นกังวลทุกครั้งที่มีสิวขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวหัวดำ สิวอักเสบ หรือสิวเม็ดเล็ก ๆ ก็ตาม เจ้าสิวพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนาให้มันเกิดขึ้นบนใบหน้าทั้งนั้น

เอ? แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว จะจัดการยังไงให้หายขาดแล้วไม่ผุดขึ้นมาอีกดี วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอเอาใจสาว ๆ ที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ ให้คุณเป็นสาวหน้าใสไร้สิวให้ได้ภายใน 30 วันค่ะ ไปดูกันว่าต้องทำอะไรกันบ้าง

1. ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน แม้จะรู้กันดีว่าของหวาน ๆ มัน ๆ มักจะทำให้เกิดสิวได้ง่าย แต่สาว ๆ ก็ห้ามใจไม่อยู่ทุกทีไปซะนี่ นี่แหละค่ะพฤติกรรมอย่างแรกที่ควรปรับเปลี่ยนเลย สำหรับสาว ๆ ทั้งหลายที่เป็นสิวอยู่ควรหลีกเลี่ยงของมันทุกชนิด แล้วเปลี่ยนมาทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว อย่างผัก ผลไม้ ที่มีแอนตี้อ็อกซิแดนท์ สำคัญสำหรับช่วงฟื้นฟูผิวมาก ๆ เลยล่ะค่ะ

2. ยิ้มเพื่อหน้าใส แน่นอนว่าการหมั่นทำอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ มองโลกในแง่ดี จะช่วยลดความเครียดที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวได้ ดังนั้นหันมายิ้มกันนะจ๊ะสาว ๆ เพราะนอกจากจะทำให้สิวขึ้นได้ยากแล้ว อารมณ์ที่ดียังทำให้หน้าไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วยนะ

3. อย่าขัดหน้าบ่อยเกินไป แม้ว่าการขัดหน้าหรือสครับผิวหน้าจะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความสะอาดของผิวก็ตามที แต่การขัดหน้าบ่อย ๆ นั้นจะไปกระตุ้นให้ผิวผลิตความมันออกมามากขึ้น และทำให้เกิดสิวได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวบ่อยเกินไป ความถี่ของการสครับผิวที่เหมาะสมอยู่ที่สัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้นค่ะสาว ๆ

4. ทรีทเม้นท์ผิวหน้า เพื่อฟื้นฟูและบำรุงไปพร้อม ๆ กัน อ๊ะ ๆ อย่าคิดว่ากำลังแนะนำให้สาว ๆ ไปทำทรีทเม้นท์ราคาแพง ๆ นะคะ เพราะนั่นไม่จำเป็นเลยค่ะ ทรีทเม้นท์นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น การพอกหน้าด้วยไข่ขาว หรือดินสอพองผสมมะนาว แค่นี้ก็ถือว่าเป็นทรีทเม้นท์ได้แล้วล่ะค่ะ แต่อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดหลังพอกหน้าทุกครั้งนะคะ

5. นวดหน้าด้วยน้ำมัน การนวดหน้าด้วยน้ำมันฟังแล้วเหมือนจะเป็นวิธีที่ทำให้เกิดสิว แต่ความจริงไม่ใช่เลยค่ะ การนวดหน้าด้วยน้ำมันนั้นจะทำให้ผิวหน้าได้ผ่อนคลาย ซึ่งน้ำมันที่ใช้ในการนวดหน้านั้น ได้แก่ น้ำมันลาเวนเดอร์ หรือ เป๊ปเปอร์มินท์ค่ะ

6. ทำความสะอาดรูขุมขนด้วยไอน้ำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งวิธีการก็ทำได้ง่าย ๆ ค่ะ เพียงนำน้ำเดือดมาตั้งแล้วยื่นหน้าให้ไอน้ำทำความสะอาดใบหน้าคุณ ไอน้ำจะช่วยเปิดรูขุมขนให้สิ่งสกปรกที่ตกค้างหลุดออกมาค่ะ

และนี่ก็เป็นเคล็ดไม่ลับ แถมยังทำได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่คุณหันมาใส่ใจกับใบหน้าตัวเองสักนิด แล้วเพิ่มการปรนนิบัติผิวหน้าเข้าไปอีกหน่อย เพียงเท่านี้ คุณก็กลายเป็นสาวหน้าใสไร้สิว พร้อมจะเผยผิวใสอย่างมั่นใจได้แล้วล่ะค่ะ


from kapook.com

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวเมืองไทยลดภาษีได้ 1.2 หมื่นบาท

ครม.เศรษฐกิจเขี้ยว อนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวแค่บางข้อ สรุปคนธรรมดาได้ลดค่าลดหย่อนท่องเที่ยวแค่ 1.2 หมื่นบาท แถมลดค่าไฟ และเพิ่มวงเงินกู้ ล่าสุดชง ครม.ขอขยายวงเงินกู้เป็น 5 ล้านบาท

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) หรือ ครม.เศรษฐกิจ ได้พิจารณามาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติปัญหาทางการเมือง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยมีการอนุมัติมาตรการเพียงบางส่วนจากที่มีการเสนอมาหลายข้อ เนื่องจากเห็นว่ามาตรการบางส่วนยังไม่เหมาะสมและครอบคลุมเพียงพอ

ซึ่งแบ่งเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.มาตรการเสริมสภาพคล่องของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว โดยให้กระทรวงการคลังศึกษาการขยายเวลาปลอดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ภายในวงเงินสินเชื่อเดิม 5,000 ล้านบาท ผ่านทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ส่วนที่ขอให้จัดสรรวงเงินกู้จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการรายละไม่เกิน 50 ล้านบาทนั้น ที่ประชุมให้ระงับไว้ก่อน

ส่วนมาตรการที่ 2 ส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว ครม.เศรษฐกิจได้อนุมัติงบประมาณกลางปีให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ 360 ล้านบาท และ 3.มาตรการ ลดค่าใช้จ่ายค่าไฟของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โดยให้พิจารณายกเลิกการเรียกเก็บค่าไฟขั้นต่ำจากสถานประกอบการโรงแรม โดยให้เรียกเก็บค่าใช้ไฟฟ้าตามจริงถึงเดือน ธ.ค.2553 นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2554

นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการลดหย่อนภาษี โดยให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อแพ็กเกจทัวร์จากบริษัทัวร์มาหักภาษีได้ไม่เกิน 1.2 หมื่นบาทต่อราย

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวในช่วงที่มีการชุมนุมระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ว่า ยอดนักท่องเที่ยวลดลงเหลือ 1.11 ล้านคนต่อเดือน จากปกติจะมีนักท่องเที่ยว 1.6 ล้านคนต่อเดือน

นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รายงานเกี่ยวกับระดับการเตือนของประเทศต่างๆ ที่เตือนประชาชนของตัวเองที่จะเดินทางมาไทย ว่าปัจจุบันเกือบทุกประเทศได้มีการลดระดับการเตือนลงแล้ว โดยขณะนี้เหลือระดับ 5 แค่เพียง 4-5 ประเทศเท่านั้น อาทิ จีน เวียดนาม เป็นต้น

ผู้ช่วย รมว. รายงานเพิ่มอีกว่า ครม.เศรษฐกิจมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะมีการขยายพื้นที่กู้จากไม่เกิน 1 ล้าน เป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท จะคิดดอกเบี้ย MLR-3% ซึ่งจะมีการเสนอให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง วันที่ 8 มิ.ย. นี้


from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันเสาที่ผ่านมา
ได้มีโอกาสไปเดิน ถนนอังรีดูนังค์กับแม่มา
สินค้าถูกจริงๆ
คนก็ยังเยอะอยู่ดี
เยอะมาก
อากาศยิ่งร้ิอนๆ แต่ก็ยังเดินไหว เพื่อการช้อบปิ้ง
เรายอมได้ ฮ่าๆๆ

พอเดินได้ซักพัก แม่เราเริ่้มอยากเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดตรงนั้น คงเป็น รพ.ตำรวจ
จึงไปเข้าตรงโรงอาหารใน รพ.ตำรวจ
เจอ ผู้ชายคนนึง ปวดท้องมาก
ประมานว่า ไม่ไหวอยุและ
แต่ห้องน้ำชายปิดไปแล้ว
ป้าที่ทำความสะอาดแุถวนั้น ก็บอกว่าเข้าไม่ได้ห้องน้ำมันล็อก
พี่คนนึงก้บอกว่าให้เค้าเข้าห้องน้ำหญิงไปเถอะ เค้าปวดท้อง
ป้าก้ยังยืนยันว่า ไม่ได้ๆๆๆๆๆๆ

จะบ้าเหรอ เราคิดในใจ คนปวดท้องนะเว่ย ยังจะมาเรื่องมาก
เห็นแก่ตัวจริงๆ ห้องน้ำตรงนั้นมันเป็นของป้าคนเดียวรึไง

แล้วป้าแกก็บ่นๆ ว่า กทม ไม่ทำห้องน้ำมา
.... บลาๆๆๆ

ผู้ชายคนนั้นรำคาญ เลยไปหาเข้าที่อื่นก้ได้

เฮ้อ คนเรานี่ เห็นแก่ตัว

แถมวันนั้น ตอนเราขึ้นรถไฟฟ้า ที่สยาม
เราเห็นที่รอคิวเข้ารถไฟฟ้า มันว่างแถวนึง ไม่มีคนตั้งแถวใหม่
เราเลยไปตั้งแถวใหม่
แต่ดันมีเจ๊หน้าตาเหมือนแขก บอกว่า
นี่ ไม่เห็นรึไง เค้าเข้าคิวกันอยู่
เราก็เลยบอกว่า
อ๋อ ค่ะ มันมีสองคิว นี่ไงคะ
มันคงจะโง่ หรืออะไร ไม่รุ ดูแค่นี้ก็ไม่ออก ว่ามันตั้งแถว ได้อีก
เราทำถูกแล้ว เรื่องไรจะยอม
แล้วมันก้หันไปบ่นงึมงำกับตัวเอง เป็นภาษาอังกิด
ที่เราไม่ทันฟัง
แต่เราก้ไม่แคร์
ยืนต่อไป ช้านทำถูกแล้วนะ
ถ้ารุว่ามันพูดอะไีร ก็คงตอกกลับเปนภาษาอังกิด ไปแล้ว
แน่จิง พูดภาษาไทย ให้เราไ้ด้ยินเลยดิ จะได้เถียงกันทัน

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ขอบตาคล้ำ ทำไงดี

ปัญหาขอบตาคล้ำมักจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกสำหรับสาว ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นบนใบหน้า เพราะมันจะทำให้หน้าคุณดูโทรม หมอง อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่จะทำยังไงดี กับตาแพนด้าที่มีอยู่ วันนี้กระปุกมีวิธีมาบอกค่ะ

1. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะสาว ๆ ว่าแอลกอฮอล์นั้นมีผลทำให้ขอบตาคล้ำได้จริง ๆ เพราะแอลกอฮอล์นั้นมีปฏิกิริยาต่อหลอดเลือดที่อยู่ภายใต้ผิว ซึ่งทำให้ตาคุณบวม หรือขอบตาคล้ำได้ ดังนั้น ควรลดปริมาณการดื่มในแต่ละวันลงให้มากหน่อยนะคะ ยิ่งหลีกเลี่ยงได้ยิ่งดีเลยล่ะ

2. นอนหลับให้เพียงพอ วิธีนี้เป็นวิธีที่สาว ๆ รู้อยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่คุณนอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่เพียงพอ ตื่นเช้าขึ้นมาก็มักจะประสบปัญหาหน้าโทรมหมองอยู่เสมอ ดังนั้นควรนอนหลับให้เพียงพอค่ะ และถ้าจะให้ดี ต้องทำตามข้อ 3 ด้วยนะ

3. ใช้หมอนใบใหญ่และนุ่ม สาว ๆ เชื่อไหมว่า หมอนใบใหญ่และนุ่มนั้น นอกจากจะป้องกันการตกหมอนตอนกลางดึกแล้ว ยังทำให้คุณหลับลึกและหลับสบายด้วยค่ะ

4. หลีกเลี่ยงให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดให้มากที่สุด เพราะแสงแดดส่งผลให้เกิดเมลานินภายใต้ผิว ซึ่งจะทำให้ผิวดูคล้ำหมอง โดยเฉพาะผิวรอบดวงตาอันแสนบอบบาง ดังนั้นคุณควรเลี่ยงแสงแดดค่ะ หรือปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SFP สูง ๆ และหากเป็นไปได้ คุณอาจสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่ออกแดดด้วยค่ะ

5. ให้อาหารผิวด้วยวิตามิน เพราะหากผิวขาดวิตามินก็ทำให้สีผิวรอบดวงตาคล้ำขึ้นได้ง่าย ๆ ค่ะ ซึ่งการให้อาหารผิวในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทาครีมบำรุงเท่านั้นนะคะ แต่หมายถึงการรับประทานอาหารที่มีวิตามินด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน B หรือสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่มีในวิตามิน C A และ E ก็ให้ผลดีมากเลยทีเดียวล่ะ

6. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ alpha hydroxy acids เพื่อปรนนิบัติผิวในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะผิวรอบดวงตาค่ะ

7. หลีกเลี่ยงจากภาวะเครียด ความเครียดมักจะเป็นตัวบั่นทอนสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ รวมถึงสุขภาพผิวด้วยนะคะ ความเครียดก็เลยมีส่วนทำให้ขอบตาคล้ำได้เหมือนกัน ดังนั้น คุณควรทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ รับรองว่า นอกจากจะทำให้ปัญหาขอบตาคล้ำหมดไปได้แล้ว ยังทำให้ผิวคุณดูดีขึ้นอีกด้วย

from kapook.com