วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อย่าง ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า... น้ำใบบัวบก มีประโยชน์มากมายกับร่างกายเรา มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตา และมีแคลเซียมสูง มีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด ช่วยแก้ช้ำใน ทำให้หายฟกช้ำได้ดี ลดอาการปวดศรีษะข้างเดียว บำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลียเมื่อยล้า แก้ความดันโลหิตสูง

นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ทำลายเซลล์มะเร็ง ลดการอักเสบและรักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ ช่วยในการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดแข็งตัวเร็ว และช่วยขับปัสสาวะ (ว้าว... ประโยชน์เยอะจริง ๆ เลยนะคะ)

แต่... ใครจะรู้บ้างว่า น้ำใบบัวบก ยังสามารถลดริ้วรอยบนใบหน้าของสาว ๆ ได้ดีอีกด้วย วันนี้เราจะพาไปดูวิธีทำง่าย ๆ กัน...

นำใบบัวบกที่เตรียมไว้มาล้างน้ำให้ สะอาด แล้วนำมาปั่นให้ละเอียด จากนั้นคั้นเอาแต่น้ำของมัน พอได้น้ำใบบัวบกสด ๆ มาแล้ว ใช้สำลีชุบน้ำใบบัวบกมาทาให้ทั่วใบหน้า ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที แล้วล้างออกให้สะอาด อย่างไรก็ตาม คุณสาว ๆ สามารถทำสูตรนี้ใช้ได้ทุกวัน หรือตามสะดวก จะช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าของคุณให้จางลงได้ค่ะ

เป็นไง... วิธีทำนั้นง่ายมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะคะ ว่าแล้วเราลองไปทำกันเลยดีกว่า...

from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทำไมผู้หญิงถึงบ่อน้ำตาตื้นเสียจริง

เรื่องขี้แงต้องยกให้ผู้หญิงเขาล่ะ เพราะไม่ว่าจะดีใจ เสียใจ เศร้าใจ ทุกข์ใจ กังวลใจ ผู้หญิงสามารถหลั่งน้ำตาได้ตลอดเวลา

ผลโพลล์จาก The Baby Website ออกมาบอกว่า สาว ๆ เมืองผู้ดีวัย 19 ปีขึ้นไปมักจะบ่อน้ำตาตื่นถึงสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง 14 นาที และยิ่งโตก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้น เพราะปัญหาในชีวิตมีมากขึ้น

อย่างวัยทีนก็มีกจะหลั่งน้ำตาเรื่องอกหัก วัยทำงานก็เรื่องหน้าที่การงาน วัยครองคู่ก็เรื่องคู่ครอง วัยเกษียณก็เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ในทางกลับกันผู้ชายกลับเก็บความรู้สึกไว้ได้มากกว่า เพราะพื้นฐานการเลี้ยงดูมักคาดหวังให้ลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งและอดทน

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ออกมายืนยันอีกด้วยว่า ผู้ชายมีฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ซึ่งทำให้กระบวนการผลิตน้ำตามีน้อยกว่าผู้หญิง ส่วนผู้หญิงมีฮอร์โมนโปรแล็กตินที่ช่วยผลิตน้ำนมและน้ำตา

ฉะนั้น เมื่อบวกกับอารมณ์อันอ่อนไหวของผู้หญิง กับเรื่องของฮอร์โมน พวกเราถึงต้องเสียน้ำตามากกว่าผู้ชายอยู่หลายขุมยังไงล่ะจ๊ะ

from kapook.com

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทานขนมหวานระวังสิว

คนที่ชอบทานหวานนั้น ทำให้ผิวเหี่ยวก่อนวัย มีสิวมาก ไขมันเพิ่ม และทำให้อ้วน ล้วนส่งผลเสียต่อผิว ทำให้เกิดโรคผิวหนังสารพัดชนิด

จากการวิจัย พบว่า การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง กระตุ้นให้สิวเห่อ อาหารที่มีน้ำตาลสูงทำให้มีอินซูลินในเลือดสูงขึ้น ซึ่ง ภาวะนี้นำไปสู่การมี insulin-like growth factor -1 (IGF-1) มาก ขึ้น IGF-1 ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วและหนาตัว จึงทำให้เกิดก้อนไขมันอุดตันในรูขุมขน และเกิดสิวตามมา นอกจากนั้น IGF-1 และอินซูลิน ยังกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเพศชาย คือ แอนโดรเจน ที่ทราบกันดีว่าเป็นตัวเพิ่มการผลิตไขมัน ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว

ดังนั้น ควรทานหวานให้น้อยลง เพื่อสุขภาพและความงามที่ดีของตัวคุณเอง

from kapook.com

วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ซีรั่มช่วยแก้ปัญหาบนผิวหน้าของคุณได้

สาว ๆ หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องใช้ซีรั่ม ในเมื่อเราก็มีมอยส์เจอไรเซอร์แบบที่เป็นครีมหรือโลชั่นอยู่แล้ว

ซีรั่มก็เหมือนวิตามินเสริมนั่นแหละ เวลาที่ผิวหน้าเรามีปัญหาหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การทามอยส์เจอไรเซอร์ตามปกติเพียงอย่างเดียวก็อาจเอาไม่อยู่ เราจึงต้องใช้ซีรั่มเสริมเข้าไปแก้ปัญหาในสิ่งที่เราเป็นกังวล

วิธีการใช้ก็แค่ทาลงบนผิวหน้าสะอาด ๆ ก่อนทามอยส์เจอไรเซอร์ โดยเลือกคุณสมบัติของซีรั่มตามความต้องการของคุณ อย่างเช่น ถ้าคุณผิวแห้งก็เลือกใช้แบบที่ช่วยเติมความชุ่มชื้น ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องริ้วรอย ก็มองหาแบบที่จะช่วยลดเลือนริ้วรอยให้คุณได้

แต่ถ้าคุณมีปัญหาริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ก็ควรเลือกซีรั่มที่ทำขึ้นมาสำหรับผิวรอบดวงตาโดยเฉพาะ เพราะเป็นบริเวณที่ผิวบอบบาง และเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย

from kapook.com

วันพุธที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับสู่การมีผิวสว่างใสในชั่วข้ามคืน

สาว ๆ หลาย ๆ คนคงจะเคยเป็นกังวลกับหน้าตาหมองคล้ำของตัวเองใช่มั้ยคะ โดยเฉพาะคืนก่อนวันนัดเดท หรือวันงานอะไรซักอย่างจะมาถึงเนี่ย เป็นต้องวิ่งโร่หาวิธีแต่งหน้าให้ดูสว่างใสกันจ้าละหวั่นเลยทีเดียว

แต่จริง ๆ แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลเลยค่ะสาว ๆ เพราะหากคุณรู้วิธีเผยผิวใหม่ในชั่วข้ามคืนแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงเรื่องแต่งหน้าให้สว่างใสเลยแม้แต่น้อย อะ ๆ ๆ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่า ว่าวิธีการทำให้หน้าสว่างใสภายในข้ามคืนนั้นมีขั้นตอนยังไงกันบ้าง

ขั้นตอนที่ 1 ขัดผิว ก่อนอื่นให้คุณทำความสะอาดผิวด้วยโฟมล้างหน้าแล้ว ขัดผิวหน้าอย่างนุ่มนวลเพื่อให้ผิวได้ผลัดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนที่ช่วยลดรอยหมองคล้ำบนใบหน้าของคุณได้ อ๊ะ ๆ แต่ต้องใช้สครับขัดผิวแบบอ่อนโยนเท่านั้นนะคะ

ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดใบหน้าด้วยไอน้ำ เพราะการอบไอน้ำใบหน้า เป็นวิธีการชะล้างทำความสะอาดใบหน้าที่ดีและเห็นผลได้เร็วที่สุด เพราะไอน้ำจะเข้าไปทำความสะอาดถึงก้นบึ้งของรูขุมขนเลยทีเดียว ดังนั้น นี่จึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเตรียมใบหน้าให้สว่างใส ที่คุณสามารถทำได้ด้วยการนำน้ำเดือดมาวาง แล้วยื่นหน้าลงไปอังจนหมดไอน้ำนั่นแหละค่ะ เอาล่ะ.. เมื่อคุณทำความสะอาดใบหน้าจนหมดจดแล้วก็ตามไปดูขั้นตอนต่อไปกันเลย

ขั้นตอนที่ 3 พอกหน้า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการพอกหน้า คือ หลังจากคุณอบไอน้ำใบหน้าแล้ว เพราะเป็นช่วงที่รูขุมขนคุณเปิด ให้มาส์กพอกหน้าซึมซับเข้าไปบำรุงผิวภายในง่ายกว่าช่วงเวลาอื่น แต่หลังจากพอกหน้าแล้ว อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดอีกครั้งด้วยนะคะ

ขั้นตอนที่ 4 ใช้วิตามิน C หรือ AHA สูตรอ่อน ๆ ทาบาง ๆ บนใบหน้า แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน หากไม่มีวิตามิน C บริสุทธิ์ คุณอาจใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน C ก็ได้ค่ะ

ขั้นตอนที่ 5 หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้คุณล้างหน้าให้สะอาด แล้วทาครีมบำรุงผิวตามปกติ แล้วตามด้วยครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวที่เพิ่งจะผลัดเซลล์ไปใหม่ ๆ

เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีใบหน้าที่สว่างใส และพร้อมที่จะเผยผิวสดใสในวันนัดเดท หรือวันงานต่าง ๆ แล้วล่ะค่ะ รับรองได้ว่า นอกจากจะให้ผลทันตาเห็นแล้ว คุณยังจะรู้สึกได้ถึงความสะอาดของผิวหน้า อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยล่ะค่ะ


from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับ ในการเลือกอาหารไขมันต่ำ

สาว ๆ ที่อยากมีหุ่นสวยเพรียว ต้องระวังการกินเป็นพิเศษ วันนี้เราจึงมีทิปส์ง่าย ๆ ในการเลือกอาหารรับประทานมาบอกกันด้วยค่ะ

อาหารเช้า

มีผลไม้ หรือน้ำผลไม้ 100% 1/2 - 1 แก้ว

ข้าว แป้ง ขนมปัง เลือกชนิดที่ไม่ขัดสี หรือขัดสีน้อยจะได้เพิ่มใยอาหาร (วันละ 6-8 ทัพพี)

ใช้น้ำมันให้น้อยที่สุด เพราะต้องสงวนไว้ใช้ในมื้อเย็น (เพราะกินกับข้าวหลายอย่าง)

เพิ่มผักในมื้อเช้า 1 ทัพพี


อาหารว่าง

เลือกกินผลไม้ แทนขนมอบประเภทเบเกอรี่

เครื่องดื่มร้อนหรือเย็นไม่ใส่ครีมผง ถ้าใช้นมขอเป็นนมไขมันต่ำ


อาหารกลาง วัน

เลือกอาหารจานด่วนแบบไขมันน้อย ถ้าเป็นของทอดกรอบ ผัด จะมีน้ำมันมาก

อาหารจานด่วนที่มีหลายขั้นตอน เช่น ข้าวผัดใส่ไข่ ก๋วยเตี๋ยวผัด กระเพาะปลา แต่ละขั้นตอนจะเพิ่มน้ำมันทุกครั้งจึงควรเลี่ยง

อาหารประเภทก๋วยเตี๋ยวน้ำ ไม่ต้องใส่น้ำมันเจียว แต่ขอผักเพิ่ม ขอหมูชิ้นไม่ติดมันแทน หมูสับปนมันและไม่ใส่เครื่องใน

ขนมหวานถ้าอยากรับประทาน ไม่ราดหน้าด้วยกะทิ หรือจะเปลี่ยนเป็นผลไม้หลายรส ก็ดีกว่าเป็นไหน ๆ

ดื่มน้ำสะอาดแทนเครื่องดื่มเย็นประเภทยกล้อ (กาแฟร้อนใส่นมเยอะ ๆ)

อาหารเย็น

ไม่ซื้อกับข้าวสำเร็จรูปที่มีกะทิ ผัดเผ็ดแบบทอดกรอบ น้ำมันลอยหน้า แกงจืดที่ซื้อมาควรอุ่นให้ร้อน ๆ ก่อนรับประทาน ถ้ามีน้ำมันกระเทียมเจียวลอยหน้าก็จะได้ตักออกง่าย

ถ้าชอบผัดผักให้ปรุงแบบไทยสไตล์ ฝรั่ง คือใช้น้ำมันแต่น้อย

เลือกอาหารที่ปรุงแบบ อบ ต้ม ย่าง นึ่ง ยำ ลาบ ตุ๋น ดีกว่าทอดหรือผัด

เพิ่มผลไม้หวานน้อย ๆ เสริมเข้าไป

อาหาร เพื่อสุขภาพ

ข้าว – แป้ง : เลือก ที่ผ่านการขัดสีน้อย

ผัก – ผลไม้ : เลือกรับประทานสดหรือเป็นกระป๋อง แต่ไม่ใช่ทุเรียน อโวคาโด ลำไย มะพร้าวกะทิ

เนื้อสัตว์ : เลือกปลา เต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้ง แทนเนื้อสัตว์ที่มีมัน หนัง หรืออาหารแปรรูป

นมและผลิตภัณฑ์จากนม : เลือกนมไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของครีม

ไขมัน : เลือกน้ำมันพืชแทนไขมันจากสัตว์ กะทิ มะพร้าว

ใยอาหาร : เกี่ยวข้องอะไรด้วย

ใยอาหารมี 2 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 จะช่วยกวาดล้างลำไส้ให้สะอาด ป้องกันมะเร็งลำไส้ ได้แก่ พวกก้านผักต่าง ๆ ส่วนอีกประเภทหนึ่งจะช่วยโอบอุ้มโคเลสเตอรอลในลำไส้ออกมากับอุจจาระ พวกนี้มีในผลไม้ ถั่วเมล็ดแห้ง ผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย ได้แก่ แอปเปิล มะกอก ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ พุทรา ลูกหม่อน ตะขบ ตะลิงปลิง เมล็ดฝักบัว สาลี่ เป็นต้น


อาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อไปกินอาหารนอกบ้าน

ร้านอาหารในบ้านเรามาจากทุกทวีป ไม่ว่าจะชิมรสชาติของชาติใดล้วนแล้วแต่อร่อยถูกปากคนไทย เราจึงสมบูรณ์เกินกว่ามาตรฐานชาย-หญิงกันแล้ว เมื่อไปกินอาหารนอกบ้านควรพินิจดังนี้

อาหารฟาสต์ฟู้ด : เลือกที่ไม่ใส่ชีส ไส้กรอก ของทอด ไข่ มายองเนส เลือกเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้ออก รับประทานกับสลัดผักน้ำใส ถ้าเป็นน้ำข้นราดน้ำน้อย ๆ ก็พอไหว ส่วนเครื่องดื่มต้องไม่ใส่ครีม นม หรือประเภทมิลค์เช็คก็ไม่ได้นะคะ ไอศกรีมเห็นทีต้องงด แต่ถ้าอดไม่ไหวขอแค่คำสองคำก็น่าจะหายอยากได้ ถ้าเลือกกินอาหารแบบไทย-อีสานได้จะแจ๋วมาก

อาหารอิตาเลียน : คงต้องเลี่ยงพวกชีส เนย หรือซอสที่ผสมครีม เลือกเมนูที่ใช้น้ำมันมะกอกดีกว่า

อาหารจีน : ส่วนใหญ่ใช้น้ำมันมากและใช้เนื้อสัตว์มีมัน ผัดผักก็มีน้ำมันมากพอดู ควรคีบอาหารส่วนบน ๆ น้ำมันน้อย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์สับ เพราะมักจะมีมันปนมาก ยิ่งของทอดด้วยแล้วคงต้องงดหรือเพียงแค่ชิมก็พอ ส่วนขนมหวานถ้าเป็นลอยแก้วสบายมากรับประทานได้ แต่ระวังน้ำหนักขึ้นด้วย

อาหาร ญี่ปุ่น : น่าจะดีกว่าเพราะมีไขมันต่ำที่สุด แต่บางอย่างอาจมีเบคอน หรือมายองเนสผสมอยู่ด้วย คงต้องเลือกเมนูก่อนสั่ง แต่ส่วนใหญ่ก็โอเค

การช่วยให้สุขภาพปลอดไขมันส่วนเกินจากอาหาร จะสำเร็จได้คงต้องควบคุมพฤติกรรมการกิน ซึ่งอาจยากสักหน่อยในช่วงแรก ๆ แต่ถ้าทำเป็นประจำก็จะกลายเป็นความเคยชิน เมนูอาหารประจำวันของเรามีมากมายหลากหลาย เลี่ยงอย่างหนึ่งมาเลือกอีกอย่างหนึ่งจึงไม่ใช่เรื่องยาก หรือลดปริมาณการกินอาหารที่มีไขมันลงบ้าง ก็ยังคงให้คุณอร่อยกับอาหารได้ เหมือนเดิม

คุณต้องตั้ง มั่นใจโดยบอกตัวเอง และคนที่คุณรักว่าไขมันในเลือดสูงสามารถป้องกันได้ด้วยตัวคุณเอง เพียงแค่ลดการกินน้ำตาล ไขมัน เลือกชนิดและส่วนของเนื้อสัตว์ให้ถูกต้อง เพิ่มผัก ผลไม้ ให้ได้ใยอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบ้าง และทำจิตใจให้ผ่องใส นั่นแหละชีวิตที่มีคุณภาพและปลอดไขมันที่เป็นต้นเหตุของโรคมากมาย

from kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เติมสีสัน...พรางรูปหน้าด้วยบลัชออน

การเติมสีสันบนพวงแก้มช่วยสร้างความสดใสให้ใบหน้าในชั่วพริบตา อีกทั้งยังสามารถช่วยแรเงาเพื่อพรางรูปหน้าให้ดูสมดุลขึ้นอีกด้วย แต่การใช้บลัชออนมักเป็นสิ่งที่ผู้หญิงมักทำผิดพลาดมากที่สุดในการแต่งหน้า เรามาช่วยขจัดปัดเป่าปัญหาให้คุณแล้ว

แก้มสวยเปล่งปลั่งอมชมพูเป็นที่ปรารถนาของหญิงสาวทุกคน และโชคดีที่สีแก้มสวย ๆ เช่นนี้สามารถเนรมิตได้ง่าย ๆ ด้วยเครื่องสำอางชิ้นโปรด

บลัชออนที่นอกจากจะเพิ่มสีสันให้แก่ใบหน้าแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างแสงเงาเพื่อพรางข้อบกพร่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของใบหน้า และเพิ่มมิติให้ใบหน้าดูดีขึ้นได้ด้วย แต่บลัชออนไม่เหมือนกับเครื่องสำอางที่ใช้ตกแต่งดวงตาหรือริมฝีปาก เพราะมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อโชว์สีสัน บลัชออนไม่ควรจะโดด เด่นออกมาแข่งกับสีตาและปากของคุณ แต่ควรจะเป็นสีระเรื่ออยู่ในผิวที่ช่วยเสริมให้การแต่งหน้าโดยรวมดูสวยงาม ขึ้น

ฉะนั้นเพื่อให้แน่ใจว่าบลัชออนของคุณจะไม่เด่นจนออกนอกหน้า คุณจึงควรทาบลัชออนก่อนทาสีตาและปากเสมอ ต่อไปนี้ คือทุกอย่างที่คุณต้องรู้ในเรื่องของบลัชออน เพื่อจะได้ไม่ตกหลุมพรางข้อผิดพลาดง่าย ๆ ของการแต่งหน้าอีกต่อไป

บลัชออนมี กี่แบบ

บลัชออนแบบฝุ่น เป็นบลัชออนชนิดที่นิยมกันมากที่สุด ใช้ทาลงบนแก้มหลังการทาแป้งฝุ่น มันจะติดอยู่บนชั้นบนสุดของผิว และทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใส บลัชออนแบบฝุ่น ยังนิยมใช้เพื่อสร้างแสงเงาในการพราง ข้อบกพร่องของรูปหน้า โดยมักจะใช้บลัชออนหลาย ๆ สีผสมกัน เช่น ใช้สีเข้มที่ส่วนบุ๋มของแก้ม และสีที่อ่อนกว่าบนจุดสูงสุดของแก้ม แต่งต้องระวังอย่าให้สีเข้มจนเกินไปเราต้องการสีของบลัชออนเพียงเล็กน้อย เท่านั้น

บลัชออนแบบครีม เป็นแบบที่มีเม็ดสีเข้มขันที่สุด จึงควรใช้แต่น้อย โดยบลัชออนแบบครีมใช้ทาหลังจากรองพื้น ก่อนทาแป้งฝุ่น นอกจากนี้ ยังมีบลัชออนแบบครีมที่มีส่วนผสมช่วยบำรุงผิวหน้า หรือแบบที่ผสมประกายแวววาวเล็กน้อย สำหรับสร้างสีสันยามราตรี และบลัชออนแบบครีมบางยี่ห้อยังสามารถใช้ทาปากและเปลือกตาได้ด้วยในคราวเดียว กัน

บลัชออนแบบน้ำและแบบเจล บลัชออนแบบนี้ จะให้สีสันจาง ๆ ที่ดูเป็นธรรมชาติมาก ใช้ทาหลังจากรองพื้น หรือทาโดยตรงลงบนผิวหลังการทามอยสเจอไรเซอร์ จะช่วยให้แก้มดูเปล่งปลั่งอมเลือดฝาดอย่างเป็นธรรมชาติ

ทาบลัชแบบมีเทคนิค

บลัชออนเป็นเครื่องสำอางที่ผู้หญิงมักใช้มากเกินไปเสมอ ฉะนั้น หัวใจสำคัญก็คือการทาบลัชออนแต่เพียงน้อยๆ จำไว้ว่าคุณสามารถเติมสีเพิ่มได้เสมอ ถ้าคุณเริ่มเห็นสีบลัชออนอย่างชัดเจนให้รีบหยุด เพราะแสดงว่าทามากไปแล้ว นอกจากนี้ จงให้แน่ใจว่าคุณแต่งหน้าในที่ซึ่งมีแสงเพียงพอ อันจะทำให้คุณเห็นสีที่ทาได้อย่างชัดเจน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ทามากจนเกินไปเทคนิคก็คืออย่าทาบลัชออนเกินสามสี่ ครั้ง

บริเวณสำ หรับทาบลัชออนก็คือ ส่วนของใบหน้าที่อยู่ระหว่างแนวเส้นขนานของดวงตากับใต้จมูก ขณะยืนอยู่หน้ากระจกให้ยิ้มกับตัวเอง และค่อย ๆ แต้มบลัชออนลงบนส่วนแก้มที่โหนกนูนออกมามากที่สุด แล้วเกลี่ยออกไปยังขมับให้เป็นเส้นโค้งเล็กน้อย

สำหรับการทาบลัชออนแบบฝุ่น ให้ใช้แปรงที่มีขนาดใหญ่พอเหมาะกับพวงแก้มเพื่อให้ได้สีที่สม่ำเสมอ และเคาะบลัชออนส่วนเกิน ออกจากแปรงทุกครั้งก่อนทาลงบนหน้า เพื่อสีจะได้ไม่มากเกินไป ส่วนบลัชออนแบบครีมหรือเจล ใช้ปลายนิ้วแต้มสีลงไปทีละน้อยและเกลี่ยให้กลมกลืนที่สุด ช่างแต่งหน้ามืออาชีพบางคนใช้ฟองน้ำหรือแปรงแบบเดียวกับแปรงทางรองพื้นเพื่อ ช่วยในการเกลี่ยสี ถ้าได้ลองดูแล้วคุณจะพบว่ามันช่วยให้ทาบลัชออนได้ง่ายขึ้นอย่างมาก

ปัดบลัชพราง รูปหน้า

ไม่ว่าคุณจะมีรูปหน้าแบบไหน แสงเงาจากการทาบลัชสามารถช่วยพรางรูปหน้าให้ดูสมส่วนขึ้นได้

หน้ารูปไข่ ปกติแล้วรูปหน้าแบบนี้ไม่ต้องการการแรเงาเนื่องจากสมดุลอยู่แล้ว เพื่อให้บลัชออน ดูเป็นธรรมชาติ ให้ทาบลัชที่กึ่งกาลางพวงแก้มเพื่อให้ดูเปล่งปลั่งแบบเป็นธรรมชาติ สำหรับกลางคืน เติมบลัชเล็กน้อยที่สันจมูกเพื่อเพิ่มสีสัน

หน้าสี่เหลี่ยม ทำให้แก้มเหลี่ยมๆ ดูนุ่มนวลขึ้นด้วยการใช้บลัชสีสดใส ทาลงบนกึ่งกลางแก้มแล้ว เกลี่ยขึ้นไปทาขมับ ถ้าอยากทำให้ขากรรไกรเหลี่ยมๆ ดูกลมมนขึ้น ทาบลัชเล็กน้อยจากคางไปจนถึงใต้ใบหู

หน้ากลม เริ่มทาจากบริเวณเหนือจุดสูงสุดของโหนกแก้มเล็กน้อย แล้วเกลี่ยไปด้านหน้า แต่อย่าให้สีเข้าไปอยู่ใกล้จมูกจนเกินไปนัก ไม่งั้นสีจะยิ่งเน้นหน้าให้ดูกลมขึ้น จากนั้น ใช้สีเข้มปัดที่ใต้โหนกแก้มไปหาแนวขากรรไกรและเกลี่ยทั้งสองสีให้กลมกลืนกัน

หน้ายาว เพื่อทำให้หน้าดูกว้างขึ้น ทาบลัชจากกึ่งกลางแก้มออกไปหาใบหู จากนั้น ทาบลัชเล็กน้อยที่หน้าผากและแนวคาง

from kapook.com

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ล้างหน้าอย่างไรให้หน้าใสตลอดทั้งวัน

สาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย หลังจากที่เราโบ๊ะหน้ามาตลอดทั้งวันแล้ว กลับบ้านก็ถึงเวลาที่จะต้องให้หน้าได้พักผ่อนกันบ้าง โดยการล้างหน้าให้สะอาด ปราศจากเครื่องสำอาง ซึ่งต้องล้างให้ถูกวิธี ไม่งั้นหน้าก็ยับเยินหมด

ล้างหน้าอย่างไรให้ผิวใสตลอดวัน

เทคนิคการล้างหน้าที่ถูกวิธีเป็นอีกเคล็ดลับหนึ่งที่จะให้คุณผิวสวย แต่รู้ไหมครับว่าควรจะล้างหน้าวันละกี่รอบ? รอบละกี่ครั้ง? ล้างอย่างไรถูซ้ายไปขวาหรือล่างขึ้นบน? ล้างด้วยสบู่หรือเจลหรือโฟมล้างหน้ากันดี? มีคำตอบเพื่อหน้าใสอยู่ทางนี้ครับ

เริ่มที่การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอครับ ตื่นนอนตอนเช้าและอาบน้ำตอนเย็นก็เพียงพอ ไม่ควรล้างหน้าบ่อยครั้งเกินไปเพราะจะทำให้ผิวแห้ง ลอกได้ กรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริง ๆ เช่น หลังเล่นกีฬา ทำสวน ทำไร่ ปลูกต้นไม้ หรือคุมงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้าน ก็อาจจะเพิ่มการล้างหน้ารอบพิเศษอีกสักครั้งได้

ต่างหาก เวลาล้างก็ขอแค่ลูบไล้แต่เบามือ ไม่เช็ด ไม่ถู ถ้าใช้คลีนเซอร์หรือเอ็กซเทอร์นอลเช็ดหน้ากันตลบจนเกลี้ยงเกลา คงต้องเลิกนะครับเพราะจะทำให้ผิวถลอกลอกได้

หากคุณเช็ดถู ล้างหน้าแรงๆ จะเป็นการทำร้ายหน้าของคุณเอง และเราจะพบว่าคนที่ล้างหน้าบ่อย ๆ มักจะคิดว่าดี แต่เป็นความเข้าใจที่ผิด และมักจะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าตามมา

วิธีที่ถูกต้องและสมควรทำมากที่สุด ให้ใช้มาตรการ "ยุ่งกับผิวให้น้อยที่สุด" แล้วจะหายเองครับ แต่ถ้าคุณแต่งหน้า มีเครื่องสำอางค์รองพื้นเต็มใบหน้า หากเครื่องสำอางค์ไม่ได้กันน้ำ คุณก็สามารถเลือกใช้สบู่เจลใสอ่อน ๆ ของเบบี้หรือของผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ เลือกประเภทที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ จะได้ผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

เวลาล้างก็แค่เอาน้ำลูบ ไล้ ๆ เบา ๆ ทั่วหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอย่างเบามือ แค่นี้ก็สะอาดแล้วล่ะครับ

หลังล้างหน้าให้ซับเบา ๆ ไม่เช็ด ไม่ถู ผิวจะได้ไม่หยาบกร้านและใช้โทนเนอร์เช็ดหน้าเบาๆ นะครับ หากล้างหน้าเสร็จแล้ว คุณรู้สึกลื่น ๆ เหมือนไม่เกลี้ยง ซับหน้าเบา ๆ ด้วยผ้าขนหนู ไม่ต้องไปวิตกจริตว่ามันจะลงไปอุดตันทำให้เกิดสิวหรอกนะครับ ถ้าจะเป็นสิวก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่เกิดจากฮอร์โมนเพศในตัวคุณเอง

โดยสรุปแล้ว ให้ล้างหน้าเบา ๆ เช้าครั้งเย็นหน ใช้สบู่เหลว ลูบไล้เบา ๆ เอาแค่พอลื่น ๆ ไม่ต้องสะอาดเอี่ยมอ่องนะครับ แล้วก็ซับหน้าเบา ๆ ตามด้วยโทนเนอร์อีกนิด แค่นี้หน้าของคุณก็สะอาดใสไปตลอดทั้งวันแล้วครับ

from http://www.weloveshopping.com/template/e7/show_article.php?shopid=138011&qid=65329

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ผอมเพรียวใน 5 ขั้นตอน

สาว ๆ ที่ต้องเสียสละเวลาออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ มาทุ่มเทให้กับวิธีการลดความอ้วนมาตลอดทั้งชีวิตคงรู้สึกเบื่อหน่าย วันนี้ WP เลยนำเคล็ด (ไม่) ลับ 5 วิธีที่จะทำให้คุณสาว ๆ ดูผอมเพรียวโดยที่ไม่ต้องวิ่งอยู่บนลู่วิ่งให้เหนื่อย หรือนั่งทนหิวข้าว จนตาลาย กันอีกต่อไป


1. หยุดกินหน้าทีวี

เชื่อหรือไม่ว่าการนั่งกินอาหารอยู่หน้าทีวี จะทำให้คุณสาว ๆ กินเพิ่มขึ้นจากปกติถึง 40 เปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งเวลาขับรถหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ก็เช่นกัน ทางที่ดีควรย้ายทีวีให้ไกลจากโต๊ะอาหาร และหยุดพฤติกรรมนั่งกินอาหารหน้าทีวีโดยด่วน

2. เลือกอาหารเผาผลาญไขมัน

อาหารบางอย่างก็เป็นมิตรกับเราด้วยเหมือนกัน มันสามารถช่วยให้ระบบเผาผลาญของคุณทำงานดีขึ้น และบางครั้งก็ช่วยให้คุณหายอยากอาหารได้เช่นกัน รู้อย่างนี้เดินเข้าซูเปอร์มาร์เกตอย่าลืมมองหา ส้มเกรปฟรุต แอปเปิ้ล น้ำมันมะกอก เมล็ดทานตะวัน กระเทียม บลูเบอร์รี่ และถั่วอัลมอนด์ใส่ตะกร้า

3. ตั้งสติก่อนกินสลัด

ทันทีที่สลัดผักจานโตมาวางอยู่ตรงหน้า สาว ๆ หลายคนมักจะคิดว่า "ผักนี่แหละที่ฉันกินได้ ไม่ต้องกลัวอ้วน" ช้าก่อน... เพราะสลัดบางอย่างก็เพิ่มน้ำหนักได้เช่นกัน อย่างเช่น ซีซ่าร์สลัดที่โรยหน้าด้วยชีส เบคอน ขนมปังกรอบ ราดด้วยครีมสลัด เชื่อได้เลยว่าตัวเลขบนตาชั่งกำลังตามคุณมาติด ๆ

4. กินผลไม้วันละ 2 ครั้ง

ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในผลไม้จะเต็มไปด้วยน้ำและปราศจากไขมัน ดังนั้นถ้าคุณรับประทานอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จะช่วยให้คุณผู้หญิงทั้งหลายกินอาหารอย่างอื่นได้น้อยลง เนื่องจากเหลือพื้นที่สำหรับอาหารในกระเพาะอาหารน้อยลง

5. เลิกนิสัยเสียดายได้แล้ว

เพราะเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ว่า ต้องกินข้าวให้หมดจานไม่ว่าของกินจะเยอะแค่ไหนก็ตาม อย่าลืมว่านี่แหละ คือสาเหตุที่ทำให้คุณสาว ๆ อ้วนได้ ฉะนั้นคราวหน้าควรกลัวอ้วนมากกว่ากินไม่หมด

from kapook.com

วิธีดูแลผิวลำคอ ให้งามระหง

มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้าก็สามารถใช้บำรุงผิวคอได้ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและไม่มีน้ำมันมากเกินไป (แต่ประสิทธิภาพอาจสู้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคอโดยเฉพาะไม่ได้)


สำหรับในช่วงเวลา กลางวัน ทาผลิตภัณฑ์กันแดดบริเวณใบหน้าแล้ว อย่าลืมทาเลยมาที่ลำคอด้วย ไม่อย่างนั้นผิวหน้าและคอจะมีสีไม่เสมอกัน ส่วนมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงเมืองร้อนอย่างบ้านเราใช้เฉพาะกลางคืนก็ได้


เวลาทาควรเงยหน้า เล็กน้อย แล้วลูบไล้ครีมจากบริเวณไหปลาร้าขึ้นไปยังคางและใบหู โดยกดน้ำหนักมือเล็กน้อยเพื่อเป็นการนวดยกกระชับผิวไปในตัว


สาวไหนแต่งหน้าแล้วปัดแป้งเลยมาถึงลำคอ อย่าลืมใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางทำความสะอาดลำคอให้หมดจดด้วย


ถูเปลือกมะนาวที่ คั้นน้ำออกหมดแล้วให้ทั่วลำคอ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด วิธีนี้จะช่วยทำความสะอาดคราบสกปรกที่ตกค้างออกได้ดี



ก่อนเข้านอน บริหารลำคอด้วยการหมุนคอตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกา อย่างช้าๆ เพื่อเป็นการยืดกล้ามเนื้อที่ใช้มาทั้งวัน

from mthai.com

วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

จัดการกับผิวหลังโดนแดดเผา

หลังจากสุดสัปดาห์ริมทะเล ทั้งเล่นน้ำ นอนอ่านหนังสือ ชิลชิล แต่กลับต้องแลกมาด้วยอาการแสบผิว คัน จนหนังลอก

วิธีการเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการ เพื่อเตรียมฟื้นฟูผิวคุณได้
1. ทำให้ผิวเย็นลง

เมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีอาการผิวหนังเริ่มลอก ให้พยายามทำให้ผิวหนังเย็นลง การอาบน้ำเย็นแล้วซับด้วยผ้าขนหนูนุ่ม ๆ หนา ๆ จะช่วยให้ผิวคุณชุ่มชื่นขึ้น แต่อย่าใช้การเช็ดหรือถูผิวให้แห้งนะคะ ยิ่งจะทำให้ผิวหนังลอกออกไปมากขึ้น

2. ทาครีมบำรุงผิว

หาครีมทาผิวที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ทาเพื่อให้ความชุ่มชื้นติดอยู่กับ ผิวให้นานที่สุด สารสกัดจากว่านหางจระเข้ซึ่งเป็นสมุนไพรธรรมชาติมีคุณสมบัติช่วยในการรักษา แผล และผิวหนัง

3. ดื่มน้ำเยอะ ๆ

เมื่อผิวหนังของคุณเริ่มเสียหายไป การรักษาให้กลับมาดีใหม่ก็ต้องเริ่มจากร่างกายของคุณ ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ เพื่อเสริมสร้างความชุ่มชื้นของผิวหนัง น้ำประมาณ 8-10 แก้วต่อวันในช่วงนี้จะดีต่อผิวพรรณของคุณ

4. หยุดเกา

อันนี้อาจจะยากสำหรับบางคน แต่การเกาหรือแกะผิวหนังที่ลอกออก อาจจะทำให้ผิวหนังส่วนที่ยังดีหลุดติดออกมาด้วย และอาจทำให้เกิดแผลเป็นขึ้นมาได้ วิธีการบรรเทาอาการคันทำได้โดยใช้การประคบน้ำแข็งค่ะ

5. ป้องกันผิวอย่างสม่ำเสมอ

และข้อสุดท้าย คราวหน้า ถ้าอยากจะสนุกริมหาด หรือบริเวณแดดแรงๆ อย่าลืมปกป้องผิวของคุณก่อนด้วยครีมกันแดด และถ้าลงไปเล่นน้ำก็อย่าลืมทาครีมเพิ่มลงไปทุกครั้งที่ขึ้นจากน้ำแล้วยังไม่ ได้เข้าไปในที่ร่ม ทาครีมให้ทั่วใบหน้าและผิว บางส่วนเช่นหลังหูมักจะถูกลืมเสมอ ๆ สำหรับสาว ๆ มือใหม่หัดตากแดด

from kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สาวแก้มยุ้ยก็มีโหนกแก้มสวยโดดเด่นได้

Q : ฉันเป็นคนหน้าอิ่ม เลยไม่ค่อยมีโหนกแก้มให้เห็น มีวิธีไหนที่จะทำให้โหนกแก้มดูโดดเด่นขึ้นมาได้บ้างคะ?

A : ในการทำให้โหนกแก้มของคุณลอยเด่นขึ้นมานั้น คุณจำเป็นต้องมี บรอนเซอร์ โทนสีที่เข้มกว่าสีผิวของคุณเล็กน้อย รวมทั้งบลัชออนและผลิตภัณฑ์สำหรับทำไฮไลต์ด้วย

เคล็ดลับในการแต่งแก้ม คือ ดูดแก้มของคุณให้บุ๋มลง แล้วปัดบรอนเซอร์ลงไปตามรอยบุ๋มใต้โหนกแก้ม โดยปัดเฉียงๆ ขึ้นไปด้านบน จากนั้นเปลี่ยนเป็นฉีกยิ้ม แล้วปัดบลัชออนลงบนแก้มที่นูนขึ้นมาเป็นก้อน ๆ จากการฉีกยิ้ม จบด้วยการปัดไฮไลท์ลงไปบนจุดสูงสุดของแก้ม

กุญแจสำคัญคือเกลี่ยทุกสิ่งทุกอย่างให้ดูกลมกลืนกัน อย่าให้เห็นรอยต่อของบรอนเซอร์ บลัชออน และไฮไลต์เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคุณอาจดูเหมือนงิ้วหลงโรงได้

from kapook.com

วันพุธที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคลียร์สิว ยิ้มรับหน้าใส

กมาตามรูขุนขน หากมีการอุดตันของทางเดินก็จะทำให้เกิดสิว สิวมีหลายชนิดที่พบบ่อยๆได้แก่ สิวธรรมดาหรือที่เรียกว่า Acne vulgalis สิวหัวดำ สิวที่มีการอักเสบเป็นหนอง บางรายมีตุ่มหนองด้วย




สาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดสิว
ฮอร์โมน ร่างกายสร้างฮอร์โมน Androgen ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม โดยมากฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11-14 ปีดังนั้นจึงพบสิวมากในวัยนี้และอาจจะอยู่ได้นานหลายปี
การผลิตไขมันมากขึ้นและร่วมกับเซลล์ผิวหนัง และเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว
มีการเปลี่ยนแปลงของรากขน รากผมเจริญเร็วเซลล์มีการแบ่งตัวเร็ว และมีเซลล์ที่ตายมาก จึงเกิดการอุดตันของต่อมไขมัน
แบททีเรียโดยเฉพาะชื่อ Propionibacterium acne จะทำให้เกิดการอักเสบของสิว




สิวมากหรือน้อยเกิดจากอะไรกันบ้าง
กรรม พันธ์
การ ทำงานของต่อมไขมัน ถ้ามากกว่าปกติจะผลิตความมันมากและร่วมกับการดูแลรักษาความสะอาดไม่ทั่วถึง ก็ทำให้เกิดสิว
อาหาร โดยทั่วไปไม่มีผลต่อการเกิดสิว แต่ก็มีความเชื่อกันว่าการทานอาหารที่มัน หรือหวานจะเกิดสิวได้ง่าย
อากาศ ขึ้นกับแต่ละคนบางคนเป็นมากในฤดูหนาว บางคนฤดูร้อน
อารมณ์ คนที่อารมณ์ดีจะเกิดสิวน้อยกว่าคนที่อารมณ์เสีย
เครื่อง สำอางค์เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเกิดสิว ควรสบู่ที่เหมาะกับสภาพผิวหนัง คนที่มีแห้งควรจะใช้สบู่ที่เป็นด่างอ่อน คนที่ผิวมันก็อาจจะใช้สบู่ที่มีความเป็นด่างมากขึ้นได้ หรืออาจจะใช้สบู่ที่มีด่างอ่อนแต่ล้างหน้าบ่อยขึ้น
ครีม บำรุงผิวก็ต้องเลือกใหถูกกับผิวหน้า คนที่ผิวแห้งไม่ควรใช้เครื่องสำอางที่มีแอลกอฮอร์เป็นส่วนประกอบ คนที่ผิวมันก็หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีความมันสูง
การ ระคายผิว เช่นการล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว
ยา บางชนิดทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น เช่น INH, Iodides, Bromide, Steroid, Testosterone Gonadotropine, Anabolic, steroid, ยาคุมกำเนิด






การรักษาสิว


งด ใช้เครื่องสำอางที่ทำให้เกิดสิว หรือเลือกเครื่องสำอางที่ถูกกับผิวหน้า


ห้าม บีบหรือแกะสิวโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้สิวลุกลาม


อาหาร สามารถรับประทานได้แต่ก็ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่มัน และหวานและก็อย่ารับประทานมากจนอ้วน


ห้าม ถูหน้าแรงๆในขณะล้างหน้า ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งและใช้ผ้าซับเบาๆ


คน ที่หน้ามันให้ล้างหน้าด้วยสบู่อ่อนๆ


การ เลือกยาทาสิวขึ้นกับชนิดของสิวซึ่งควรจะปรึกษาแพทย์


การ เลือกรับประทานยาขึ้นกับแพทย์ที่ดูแลซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสม


การ กดสิว ใช้รักษาสิวทั้งชนิดหัวดำและหัวขาว แต่ในกรณีรูเปิดเล็กมากหรือปิด อาจจะต้องใช้เข็มหรือเลเซอร์เพื่อให้รูเปิดใหญ่ขึ้น การกดต้องทำให้ถูกวิธีเพราะหากกดผิดวิธีจะทำให้สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบ


การ ฉีดสิว ข้อดีทำให้การอักเสบลดลงเร็ว แวถ้าฉีดมากไปหรือลึกเกินไปจะทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดเกิดรอยบุ๋ม


การ ใช้แสงเลเซอร์ซึ่งมีหลายชนิด สำหรับสิวและรอยสิวชนิดต่างๆ


การ ใช้เครื่องมือแพทย์หลายๆชนิด เช่น เครื่องมือผลักยารักษาสิว, การผลัดเซลล์ผิววิธีต่างๆ




การแบ่งชนิดของสิว


รูป ตัดขวางของผิวหนัง





A = ผิวหนังปกติ B=สิวหัวดำ C=สิวหัวขาว D= สิวที่เริ่มเป็นตุ่ม E=สิวอักเสบและเป็นหนอง




สาเหตุ
สิว เกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนทำให้ต่อมไขมันทำงานผิดปกติทำให้เกิดสิว
สิว เกิดจากความสกปรกของใบหน้าใช่หรือไม่ หากคุณเชื่อว่าสิวเกิดจากความสกปรกคุณจะล้างหน้าบ่อยและล้างแรงซึ่งจะทำให้ หน้าสูญเสียน้ำมัน และความชุ่มชื้น ที่ผิวและเกิดระคายเคืองบนใบหน้าทำให้เกิดสิวมากขึ้น สิวมิใช่เกิดจากความสกปรกแต่เกิดจากเซลล์ที่ตายของผิวหนัง และสิ่งสกปรกร่วมกับไขมัน วิธีที่ถูกต้องให้ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งและซับเบาๆ งดการระคายผิว
สาเหตุ ของสิวส่วนใหญ่เกิดจากเครื่องสำอางที่ใช้
การ รักษาสิวต้องใช้เวลา ควรปรึกษาแพทย์
ความเครียดอาจจะทำให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
สิ่ง แวดล้อมก็มีส่วนทำให้เกิดสิว เช่นความสกปรก ละอองไขมันจากการปรุงอาหาร เป็นต้น

from mthai.com

วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เคล็ดไม่ลับพิชิตปัญหาผมแห้ง

ปัญหาผมแห้ง มักจะเป็นปัญหาเส้นผมที่สาว ๆ ส่วนใหญ่กำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากการใช้ความร้อนจัดแต่งทรงผมในแต่ละวัน การดัด ย้อม ยืด ทำสี หรือแม้แต่การเผชิญกับมลภาวะในแต่ละวันก็ทำให้ผมแห้งเสียได้ไม่แพ้กันค่ะ

แต่ไม่ว่าผมของคุณจะแห้งด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอนำเคล็ดลับดี ๆ สำหรับการดูแลปรนนิบัติผมแห้งแตกปลายมาฝากกัน ด้วยสารพัดวิธีที่จะทำให้ผมคุณกลับมานุ่มสลวยและมีน้ำหนักอีกครั้ง เอาล่ะค่ะ ว่าแล้วก็ไปติดตามพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า

1. เริ่มจากการเลือกใช้แชมพู หากคุณคิดว่าแชมพูแรง ๆ จะฟื้นฟูผมแห้งเสียได้อย่างรวดเร็ว นี่เห็นจะเป็นความเชื่อที่ผิด ๆ แล้วล่ะค่ะ เพราะนั่นเป็นการซ้ำเติมผมคุณให้แห้งยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ดังนั้นสาว ๆ ฟังทางนี้ค่ะ จริง ๆ แล้ว แชมพูสำหรับผมแห้งนั้นควรเป็นแชมพูสูตรธรรมดาถึงอ่อนโยนมากกว่า เพราะการสระผมเป็นขั้นตอนของการทำความสะอาดผม ซึ่งไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แชมพูแรง ๆ เพื่อบำรุงเลยค่ะ

2. เลือกใช้คอนดิชันเนอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผม คอนดิชันเนอร์ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญของการบำรุงผมเลยทีเดียวค่ะ สำหรับสาว ๆ ที่ผมแห้งนั้น แนะนำให้ใช้คอนดิชันเนอร์ที่มีส่วนผสมของไข่ หรือน้ำมันมะกอก นวดลงบนศีรษะหลังสระผม แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนล้างออก

3. ควรล้างผมให้สะอาดทุกครั้ง มีสาว ๆ ไม่น้อยที่เชื่อว่า การล้างผมหลังนวดด้วยคอนดิชันเนอร์ ไม่ต้องพิถีพิถันกับมันมากก็ได้ ปล่อยให้คอนดิชันเนอร์ที่ติดค้างอยู่บำรุงผมต่อไปก็ไม่เสียหาย อ๊ะ ๆ นี่เป็นความเชื่อหนึ่งที่ผิดถนัดเลยนะคะ เพราะคอนดิชันเนอร์ที่ตกค้างอยู่ อาจทำให้ผมเสียและร่วงได้ง่าย ๆ เลยล่ะ ดังนั้น สาว ๆ จึงควรล้างผมจนแน่ใจว่าสะอาดจริง ๆ โดยเฉพาะหลังจากนวดด้วยคอนดิชันเนอร์ที่ล้างออกยากนี่แหละค่ะ

4. ใช้เซรั่มบำรุงผม คุณสามารถเลือกใช้เซรั่มหรือทรีทเม้นท์หลังจากสระผมแล้ว ด้วยผลิตภัณฑ์ที่แก้ปัญหาเส้นผมโดยตรง อย่างหากผมคุณแห้งเพราะทำสี ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่บำรุงผมเสียจากการทำสีโดยเฉพาะ แต่หากเป็นเพราะความร้อน อาจจะใช้สูตรเพิ่มความเงางามและมีน้ำหนักให้กับเส้นผมก็ได้

5. หมักผมด้วยน้ำมันมะกอก หรือน้ำมันงา อย่างสม่ำเสมอ โดยหมักก่อนคุณสระผมประมาณครึ่งชั่วโมง เพื่อให้น้ำมันงาและน้ำมันมะกอกซึมซาบเข้าบำรุงผมภายในค่ะ

6. อบไอน้ำ หรือ ทำทรีทเม้นท์ ให้ได้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง แต่สำหรับสาว ๆ ที่ผมอ่อนแอ การอบไอน้ำอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักนะคะ เพราะเป็นวิธีที่ต้องใช้ความร้อน ดังนั้นแนะนำให้ทำทรีทเม้นท์ก็พอค่ะ หรือก็คือการหมักผมด้วยสมุนไพรและอาหารผมเข้มข้นนั่นแหละ

7. เลี่ยงการเป่าผมด้วยไดร์ เพราะอย่างที่บอกว่าความร้อนมักจะทำลายเส้นผมมากกว่าบำรุงผมเสียอีก ควรปล่อยให้ผมแห้งเอง หรือเป่าด้วยลมเย็นหรือพัดลมดีกว่าค่ะ

8. หลีกเลี่ยงแสงแดด หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ลิฟออนที่ปกป้องผมจากแสงแดด เพราะแสงแดดก็มีส่วนทำให้ผมแห้งเสียได้ไม่น้อยเลยทีเดียวนะ

9. เลือกรับประทานอาหาร ที่อุดมไปด้วยวิตามิน โปรตีน เหล็ก สังกะสี และโอเมก้า 3 เช่น ผักใบเขียว ถั่ว ไข่ แซลมอน เพราะอาหารเหล่านี้มีประโยชน์ต่อเส้นผม ทำให้สุขภาพผมดีจากภายในค่ะ

10. เลือกใช้ทรีทเม้นท์ง่าย ๆ จากธรรมชาติ สลับกับการบำรุงผมด้วยผลิตภัณฑ์ในแต่ละวัน เช่น การหมักผมด้วยไข่แดง ว่านหางจระเข้ หรือกล้วยน้ำว้าบด เพราะวัตถุดิบจากธรรมชาติเหล่านี้ช่วยให้ผมดูสุขภาพดี มีน้ำหนักได้อย่างได้ผลเลยล่ะค่ะ

จาก 10 วิธีดังกล่าว สาว ๆ ควรทำให้ได้ทุกข้อนะคะ เพียงแค่คุณเจียดเวลามาดูแลเส้นผมของตัวเองวันละนิด เพื่อสุขภาพผมที่ดีอย่างแท้จริง และที่สำคัญ ไม่ว่าคุณจะบำรุงผมจนกลับมามีสุขภาพดีแล้ว ก็ควรดูแลผมอย่างต่อเนื่อง เพื่อผมสวยยาวนานค่ะ

from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ฉันคนใหม่ หน้าใส ไม่มีรอยสิวอีกต่อไป

ถึงแม้ สิวจะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัว เพราะตอนเป็นก็เจ็บ พอหายแล้วยังทิ้งรอยดำและรอยแผลเป็นไว้ให้ช้ำใจอีก ดังนั้นภาระกิจสำคัญของวันนี้ก็คือการค้นหาวิธีกำจัดรอยดำและรอยแผลเป็น จากสิวออกไปให้สิ้นซาก



มารู้จักรอยแผลหลังเป็นสิวกันก่อน
รอยสิวนั้นมีหลายลักษณะ เช่น รอยแผลเป็นนูนหรือคีรอยด์ รอยหลุมสิวขอบชัด ขอบไม่ชัด หลุมลึก หลุมตื้น หลุมกว้างหลุมแคบ และมีรอยแดงหรือรอยดำร่วมด้วย ซึ่งส่วนมากแล้วในหนึ่งคนจะมีหลายๆ รอยแผลรวมกัน เพราะฉะนั้นจึง ต้องใช้การรักษาหลายวิธีรวมกันถึงจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ยุคนี้เรามีแนวทางการรักษาแนวใหม่ ที่ทันสมัยปลอดภัย และเห็นผลไว้ด้วย เอาละ เรามาเริ่มปฎิบัติการลบรอยสิวกันดีกว่า




นานาวิธีแก้ปัญหาหลุมสิว
Fractional Laser เป็นการใช้เลเซอร์ชนิดลอกผิว ทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวหนังแท้ จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการรักษาแผลตามธรรมชาติ ช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ การรักษาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เติมเข้าไปในรอยแผลเป็นบุ๋ม รูขุมขนกระชับเล็กลง และลดริ้วรอยสึกได้

Skin Needling คือ การลงเข็มไปที่ผิวหนัา ทำให้เกิดรูขนาดเล็กเป็นร้อยๆ ครั้ง จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้หลุมตื้นรูขุมขนเล็กลง หน้าเนียนใส หลังทำอาจต้องมีการพักใบหน้าชั่วคราวเพราะจะมีอาการแดงประมาณ 3-5 วัน
Hypro Peel เป็นการใช้แรงดันน้ำฉีดพ่นเป็นละอองเล็กๆ ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและเสริมสร้างคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง
Micro Dermabrasion เป็นการกรอผิวด้วยผงคริสตัล สามารถรักษาหลุมสิว แผลเป็น ริ้วรอยต่างๆ รวมถึงช่วยให้ผิวหน้าดูขาวสดใส เรียบเนียน วิธีนี้ก็จำเป็นต้องใช้เวลาและความต่อเนื่องในการรักษาจึงจะเห็นผลดี เหมาะกับคนที่มีหลุมสิวหรือรอยที่ไม่ลึกมากนัก
Subcision คือ การผ่าตัดเลาะผังผืดให้แผลเป็น ด้วยใบมีดิเศษขนาดเล็กเท่าปลายเข็ม เพื่อยกผิวหนังขึ้นจากก้นแผล กระบวนการสร้างเนื้อเยื่อจะทำให้แผลตื้นขึ้นเหมาะกับหลุมสิวขนาดใหญ่และลึก โดยต้องอาศัยความชำนาญจากแพทย์ ควรรักษาดวยการใช้เลเซอร์หรือทำ Skin Needling รวมด้วยจะได้ผลที่ดีมาก




นานาวิธีแก้รอยดำหรือรอยแดงจากสิว
เลเซอร์ รอยดำหรือรอยแดงจากสิว คือเลเซอร์ แบบพิเศษ แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ เลเซอร์สีเหลือง ซึ่งจะมีผลต่อเส้นเลือดเหมาะกับการรักษารอยสิวแดง และ ชนิดที่ 2 เป็นเลเซอรสีเขียวซึ่งจะมีผลต่อเม็ดสีของผิวหนังด้านบน ช่วยรักษารอยดำสิว

Soft peel Laser เป็นเลเซอร์ ที่อ่อนโยน ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีใหม่ และช่วยให้เม็ดสีเก่าจางลง เหมาะสำหรับลดรอยดำจากสิว และช่วยใหผิวดูกระจางใสขึ้น

Brighten Hi Treatment เป็นเทคโนโลยีใหม่ในการส่งผ่านตัวยาลงสูผิวหนังชั้นลึก ซึ่งช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ในชั้นผิวหนังได้ดีกว่าปกติ ผลที่ได้คือ ผิวแข็งแรง ชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว เสริมสร้างเส้นใยคอลลาเจน รอยดำสิวจะค่อยๆ จางลง หลังการทำ ผิวจะชุ่มชื่น เนียนนุ่มเปล่งปลงสดใส
from Mthai.com

ธัญพืช สำคัญอย่างไร

“เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ที่เกิดภาวะขาดแคลนอาหาร เนื้อ นม เนย ไข่ กลายเป็นของหายาก และมีราคาแพง ประชาชนส่วนใหญ่จึงต้องรับประทานข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เล่ย์เป็นหลัก ปรากฎว่าช่วงนั้นชาวยุโรปเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งน้อยมาก ทั้งนี้ เนื่องจาก ข้าวเมืองหนาวทั้ง 2 ชนิดนี้มีสารแอนติออกซิเดนต์สูง จึงช่วยป้องกันความเสื่อมและการถูกทำลายของเซลล์ทั่วร่างกายอันเป็นสาเหตุของมะเร็งได้”

นอกจาก ข้าวโอ๊ต และข้าวบาร์เล่ย์ ที่จัดเป็นธัญพืชเมืองหนาว หรือข้าวฝรั่ง ตามคำนิยามของอาจารย์สาทิสแล้ว ยังมี ข้าวสาลี ข้าวไรย์ และข้าวฟ่าง ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน

โดยข้าวสาลี จะมีประโยชน์สูงสุด ถ้าไม่ผ่านการขัดขาว ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นจมูกข้าวของข้าวสาลีพันธุ์ Wheat จะอุดมไปด้วยวิตามินอี รักษาสิวได้ชะงัดเชียวค่ะ

ส่วนข้าวไรย์ คนไทยอาจไม่คุ้นชื่อนัก แต่ข้าวไรย์เป็นพืชตระกูลข้าวสาลีที่มีประโยชน์สูง ไม่แพ้ธัญพืชชนิดอื่น โดยเป็นแหล่งรวมของวิตามินบี1 วิตามินบี2 และมีกรดอะมิโนไลซีนสูง ช่วยเสริมระบบการเผาผลาญอาหารและการเติบโตของร่างกาย

สุดท้ายในกลุ่มนี้ เป็นข้าวฟ่าง ที่อุดมไปด้วยเส้นใย จึงย่อยง่าย อีกทั้งยังมีสารโปรตีนในปริมาณใกล้เคียงกับถั่วเหลือง พร้อมธาตุแมกนีเซียม โพแทสเซียม และวิตามินบี3 สูง

ต่อมาเป็น กลุ่มธัญพืชคุณค่าสูง หากินได้ง่าย แถมราคาเบา

นำขบวนมาด้วย ข้าวโพดแหล่งคาร์โบไฮเดรต และสรรพคุณทางยา ช่วยบำบัดโรคดีซ่าน และตับอักเสบได้

ลูกเดือย ประกอบด้วยวิตามินบี 3, ธาตุแมกนีเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งช่วยบำรุงระบบการทำงานของประสาท

ลูกบัว เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี และยังมีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงหัวใจ ไต และประสาท แถมช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงได้ด้วย

ถั่วหลากชนิด ที่ชีวจิตแนะนำให้เป็นทางเลือก ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์

งา ธัญพืชสีดำ มีคุณสมบัติช่วยลดความดันโลหิต และความเครียดได้

สำหรับวิธีการบริโภคในแบบชีวจิต นอกจากจะรับประทานควบคู่กับข้าวกล้อง ในปริมาณครึ่งหนึ่งของอาหารทั้งหมดในแต่ละวัน ตามที่อาจารย์สาทิสแนะนำแล้ว เรายังรับประโยชน์จากธัญพืชโดยการดื่มน้ำอาร์ซีได้อีกทางหนึ่งด้วย เนื่องจากส่วนประกอบหลักของน้ำอาร์ซี คือ ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวบาร์เล่ย์ ลูกเดือย และลูกบัว ซึ่งมีดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอจากธรรมชาติ จึงทำให้ร่างกายกระปรี้ประเปร่า ลดอาการอ่อนเพลียได้เป็นปลิดทิ้ง

from cheewajit.com

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

3 วิธีเปลี่ยนผิวเสียเป็นผิวสวย

ชีวิตที่แสนยุ่งเหยิงของสาว ๆ ยุคใหม่เป็นต้นตอที่ทำให้ผิวสวย ๆ สามารถทรุดโทรมลงได้ อย่างง่ายดาย แต่อย่าเพิ่งตกใจไป ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่หมองคล้ำเพราะชีวิตอันแสนเครียดหรือสิวที่เห่อเต็มหน้าเพราะฮอร์โมนในร่างกาย เรามีวิธีเปลี่ยนผิวเสียให้กลับเป็นผิวสวยดังเดิมมาให้คุณแล้ว

1. ผิวเสียสวยเพราะความเครียด

คุณมีโปรเจ็กต์งานที่ต้องทำให้เสร็จ ขณะที่ชีวิตรักกับเขา คนนั้นก็ดูจะไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่นัก คุณรู้สึกไม่ค่อยดี เท่าไหร่นัก แถมผิวพรรณคุณยังดูแย่ตามไปด้วย

คุณดูเป็นยังไง? เงาที่มองอกมาจากกระจกคือหญิงสาวใบหน้าอ่อนโรย ผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำ แถมยังตาบวมและมีรอยคล้ำใต้ตาอีกต่างหาก

เกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในชีวิตที่ไม่เป็นใจทำให้คุณเครียดอย่างช่วยไม่ได้ และทุกครั้งที่คุณเครียดมันจะส่งผลกระทบไปยังผิวของคุณด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ระบบร่างกายของคุณจะมีประสิทธิภาพน้อยลงในการส่งออกซิเจนไปทั่วร่างกาย และผลของมันก็จะเห็นชัดเจนบนใบหน้า ที่ดูหม่นหมองและไร้ชีวิตชีวา แถมยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดสิวเห่อหรือรอยอักเสบแดงตามมาได้ และในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอีกต่างหาก

ทำยังไงดี ลดความเครียดของผิวด้วยการเพิ่มระดับแอนตี้ออกซิแดนต์ภายในร่างกาย และลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ วิธีหนึ่งก็คือการบริโภคผักและผลไม้มาก ๆ และใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของแอนตี้อกซิแดนต์ อย่างเช่น สารสกัดจากชาเขียว หรือชาขาว ไลโคปีน น้ำมันเกรปซีด โคเอนไซม์คิว 10 หรือวิตามินอี ซึ่งใช้ได้ทั้งรับประทานหรือเจาะแคปซูลเอาน้ำมันใส ๆ ภายในมาทาลงบนผิวหน้าได้โดยตรง

2. สิวบุกเพราะฮอร์โมนทำพิษ

ถ้าคุณมีสิวที่ผุดขึ้นมาโดยหาสาเหตุไม่ได้ โดยเฉพาะที่บริเวณคางในทางการแพทย์จีนบอกว่า คางคือศูนย์รวมของฮอร์โมนเพศหญิง ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการกินยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ หรือการหมดประจำเดือน ซึ่งล้วนแต่ส่งผลต่อฮอร์โมนสามารถทำให้เกิดปัญหาผิวได้ทั้งสิ้น

คุณดูเป็นยังไง? มีสิวที่คาง ผิวหยาบกร้านสีผิวไม่เรียบเนียน มีรอยแดง และจุดด่างดำ

เกิดอะไรขึ้น เมื่อผู้หญิงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ไม่ว่าจะจากการมีประจำเดือน การกินยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ การทำงานของธัยรอยด์ผิวปกติ หรือเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ระดับของเอสโตรเจนที่แปรปรวนนี้จะส่งผลให้ผิวเกิดความอ่อนไหวและมีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างทันใด นั่นคืออาจทำให้ผิวคุณเปลี่ยน เกิดมันขึ้นมาอย่างกะทันหัน เกิดสิววัยผู้ใหญ่ รอยแดงและผื่นคัน

ทำยังไงดี ลองปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางออกให้แก่อาการแปรปรวนของฮอร์โมนไม่ว่าจะเป็นการรับฮอร์โมนทดแทน หรือใช้อาหารเสริม นอกจากนี้ เรียกความผุดผ่องของผิวกลับคืนมา ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ออกมาแบบมาเพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมนในผิว ที่ใช้ฮอร์โมนที่ได้จากพืชหรือไฟโตเอสโตรเจน อย่างเช่น ถั่วเหลือง เพื่อเสริมการทำงานของผิวอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ผิวแห้งกร้านเพราะไลฟ์สไตล์สุดหักโหม

เราทุกคนต่างเคยเป็นมาแล้วทั้งนั้น ทำงานตลอดวัน และออกไปสนุกสนานตลอดทั้งคืนต่อเนื่องกัน แล้วก็ต้องตกใจที่ตัวเองดูแสนโทรมในสัปดาห์ถัดมา นี่คือราคาที่คุณต้องจ่าย จากการอดนอนสะสมกัน แอลกอฮอล์ และการเผชิญกับควันบุหรี่

คุณดูเป็นยังไง? ผิวแห้งกร้าน อาจมีรอยแตกหรือลอกอย่างชัดเจน และมีรอยดำคล้ำใต้ตา

เกิดอะไรขึ้น แอลกอฮอล์ทำให้ผิวอ่อนแอลงอย่างรุนแรง ลองคิดดูสิว่า แทนที่ออกซิเจนจะถูกส่งไปยังเซลล์ทั่วร่างกาย คุณกลับส่งแอลกอฮอล์ทั่วร่างกาย คุณกลับส่งแอลกอฮอล์ที่เป็นสารพิษไปแทน และถึงแม้คุณจะไม่ได้สูบบุหรี่ แต่บาร์ที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายและผิวของคุณได้ไม่แพ้กันอีกทั้งยังทำให้ระดับวิตามินซีในร่างกายของคุณลดลงอย่างมากด้วย

ทำยังไงดี ทุกครั้งที่ดื่มเหล้าหนึ่งแก้ว ให้ดื่มน้ำสะอาดตามไปด้วยแก้วหนึ่งเสมอ เพื่อให้ผิวของคุณได้รับความชุ่มชื้นตลอดเวลา และปกป้องผิวของคุณด้วยการใช้ครีมที่มีวิตามินซึ่งต่อสู้กับความเครียดและอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะพยายามเพิ่มวิตามินซีให้ผิวให้มากที่สุด เนื่องจากผิวจะสามารถรักษาวิตามินตัวนี้เอาไว้ในผิวได้น้อยลง และเตรียมพร้อมผิวก่อนไปปาร์ตี้ด้วยการเพิ่มวิตามินจำนวนมากเอาไว้ สู้กับควันบุหรี่และแอลกอฮอล์ที่จะทำร้ายผิวของคุณ

from kapook.com

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หมดเวลาของสาวหน้ามัน

ปัญหาหน้ามัน คงทำให้สาว ๆ หลายคนหมดความมั่นใจไปตาม ๆ กัน เพราะนอกจากจะมีผิวหน้าเป็นมันวาวแล้ว ยังแต่งหน้าติดยาก แถมยังเป็นบ่อเกิดของสิวและจุดด่างดำอีกด้วย (ว้าก... มีอะไรดีบ้างไหมเนี่ย)

ผิวมัน เป็นผิวที่มีความมันมากกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก คาง) เนื่องจากต่อมไขมันทำงานมากกว่าปกติ ทำให้มีรูขุมขนกว้าง ผิวหน้าดูหยาบกร้าน หมองคล้ำ ไม่สดใส แต่... ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปค่ะ เพราะวันนี้เรามีสูตร (ไม่) ลับลดหน้ามันมาฝาก...

สิ่งที่ต้องเตรียม...

• แตงกวา 2 ลูก
• น้ำมะนาว
• ไข่ไก่ 2 ฟอง

วิธีทำ

นำแตงกวา 2 ลูกที่เตรียมไว้มาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด นำมาปั่นกับน้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะ และไข่ไก่ที่คัดเอาแต่ไข่ขาว 2 ฟอง

เมื่อปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จนเป็นเนื้อครีม จากนั้นก็นำมานวดหน้าเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาและริมฝีปาก พอกทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

ทำสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความมันบนใบหน้าของคุณได้แล้วล่ะค่ะ

from kapook.com

วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หน้าใสไร้สิวใน 30 วัน

เพราะเรื่องสิวไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สาว ๆ หลายคนจะเป็นกังวลทุกครั้งที่มีสิวขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวหัวดำ สิวอักเสบ หรือสิวเม็ดเล็ก ๆ ก็ตาม เจ้าสิวพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปรารถนาให้มันเกิดขึ้นบนใบหน้าทั้งนั้น

เอ? แต่ถ้ามันเกิดขึ้นแล้ว จะจัดการยังไงให้หายขาดแล้วไม่ผุดขึ้นมาอีกดี วันนี้กระปุกดอทคอมจะขอเอาใจสาว ๆ ที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ ให้คุณเป็นสาวหน้าใสไร้สิวให้ได้ภายใน 30 วันค่ะ ไปดูกันว่าต้องทำอะไรกันบ้าง

1. ปรับเปลี่ยนอาหารการกิน แม้จะรู้กันดีว่าของหวาน ๆ มัน ๆ มักจะทำให้เกิดสิวได้ง่าย แต่สาว ๆ ก็ห้ามใจไม่อยู่ทุกทีไปซะนี่ นี่แหละค่ะพฤติกรรมอย่างแรกที่ควรปรับเปลี่ยนเลย สำหรับสาว ๆ ทั้งหลายที่เป็นสิวอยู่ควรหลีกเลี่ยงของมันทุกชนิด แล้วเปลี่ยนมาทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว อย่างผัก ผลไม้ ที่มีแอนตี้อ็อกซิแดนท์ สำคัญสำหรับช่วงฟื้นฟูผิวมาก ๆ เลยล่ะค่ะ

2. ยิ้มเพื่อหน้าใส แน่นอนว่าการหมั่นทำอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ มองโลกในแง่ดี จะช่วยลดความเครียดที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวได้ ดังนั้นหันมายิ้มกันนะจ๊ะสาว ๆ เพราะนอกจากจะทำให้สิวขึ้นได้ยากแล้ว อารมณ์ที่ดียังทำให้หน้าไม่แก่ก่อนวัยอีกด้วยนะ

3. อย่าขัดหน้าบ่อยเกินไป แม้ว่าการขัดหน้าหรือสครับผิวหน้าจะทำให้คุณรู้สึกได้ถึงความสะอาดของผิวก็ตามที แต่การขัดหน้าบ่อย ๆ นั้นจะไปกระตุ้นให้ผิวผลิตความมันออกมามากขึ้น และทำให้เกิดสิวได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวบ่อยเกินไป ความถี่ของการสครับผิวที่เหมาะสมอยู่ที่สัปดาห์ละ 2 ครั้งเท่านั้นค่ะสาว ๆ

4. ทรีทเม้นท์ผิวหน้า เพื่อฟื้นฟูและบำรุงไปพร้อม ๆ กัน อ๊ะ ๆ อย่าคิดว่ากำลังแนะนำให้สาว ๆ ไปทำทรีทเม้นท์ราคาแพง ๆ นะคะ เพราะนั่นไม่จำเป็นเลยค่ะ ทรีทเม้นท์นั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น การพอกหน้าด้วยไข่ขาว หรือดินสอพองผสมมะนาว แค่นี้ก็ถือว่าเป็นทรีทเม้นท์ได้แล้วล่ะค่ะ แต่อย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดหลังพอกหน้าทุกครั้งนะคะ

5. นวดหน้าด้วยน้ำมัน การนวดหน้าด้วยน้ำมันฟังแล้วเหมือนจะเป็นวิธีที่ทำให้เกิดสิว แต่ความจริงไม่ใช่เลยค่ะ การนวดหน้าด้วยน้ำมันนั้นจะทำให้ผิวหน้าได้ผ่อนคลาย ซึ่งน้ำมันที่ใช้ในการนวดหน้านั้น ได้แก่ น้ำมันลาเวนเดอร์ หรือ เป๊ปเปอร์มินท์ค่ะ

6. ทำความสะอาดรูขุมขนด้วยไอน้ำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งวิธีการก็ทำได้ง่าย ๆ ค่ะ เพียงนำน้ำเดือดมาตั้งแล้วยื่นหน้าให้ไอน้ำทำความสะอาดใบหน้าคุณ ไอน้ำจะช่วยเปิดรูขุมขนให้สิ่งสกปรกที่ตกค้างหลุดออกมาค่ะ

และนี่ก็เป็นเคล็ดไม่ลับ แถมยังทำได้อย่างง่าย ๆ เพียงแค่คุณหันมาใส่ใจกับใบหน้าตัวเองสักนิด แล้วเพิ่มการปรนนิบัติผิวหน้าเข้าไปอีกหน่อย เพียงเท่านี้ คุณก็กลายเป็นสาวหน้าใสไร้สิว พร้อมจะเผยผิวใสอย่างมั่นใจได้แล้วล่ะค่ะ


from kapook.com

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เที่ยวเมืองไทยลดภาษีได้ 1.2 หมื่นบาท

ครม.เศรษฐกิจเขี้ยว อนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวแค่บางข้อ สรุปคนธรรมดาได้ลดค่าลดหย่อนท่องเที่ยวแค่ 1.2 หมื่นบาท แถมลดค่าไฟ และเพิ่มวงเงินกู้ ล่าสุดชง ครม.ขอขยายวงเงินกู้เป็น 5 ล้านบาท

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) หรือ ครม.เศรษฐกิจ ได้พิจารณามาตรการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติปัญหาทางการเมือง ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยมีการอนุมัติมาตรการเพียงบางส่วนจากที่มีการเสนอมาหลายข้อ เนื่องจากเห็นว่ามาตรการบางส่วนยังไม่เหมาะสมและครอบคลุมเพียงพอ

ซึ่งแบ่งเป็น 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.มาตรการเสริมสภาพคล่องของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว โดยให้กระทรวงการคลังศึกษาการขยายเวลาปลอดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ภายในวงเงินสินเชื่อเดิม 5,000 ล้านบาท ผ่านทางธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ ส่วนที่ขอให้จัดสรรวงเงินกู้จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ให้กับผู้ประกอบการรายละไม่เกิน 50 ล้านบาทนั้น ที่ประชุมให้ระงับไว้ก่อน

ส่วนมาตรการที่ 2 ส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว ครม.เศรษฐกิจได้อนุมัติงบประมาณกลางปีให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ 360 ล้านบาท และ 3.มาตรการ ลดค่าใช้จ่ายค่าไฟของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โดยให้พิจารณายกเลิกการเรียกเก็บค่าไฟขั้นต่ำจากสถานประกอบการโรงแรม โดยให้เรียกเก็บค่าใช้ไฟฟ้าตามจริงถึงเดือน ธ.ค.2553 นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยยกเว้นค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจโรงแรม จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2554

นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจเห็นชอบมาตรการลดหย่อนภาษี โดยให้ประชาชนนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อแพ็กเกจทัวร์จากบริษัทัวร์มาหักภาษีได้ไม่เกิน 1.2 หมื่นบาทต่อราย

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจถึงผลกระทบด้านการท่องเที่ยวในช่วงที่มีการชุมนุมระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค.2553 ว่า ยอดนักท่องเที่ยวลดลงเหลือ 1.11 ล้านคนต่อเดือน จากปกติจะมีนักท่องเที่ยว 1.6 ล้านคนต่อเดือน

นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รายงานเกี่ยวกับระดับการเตือนของประเทศต่างๆ ที่เตือนประชาชนของตัวเองที่จะเดินทางมาไทย ว่าปัจจุบันเกือบทุกประเทศได้มีการลดระดับการเตือนลงแล้ว โดยขณะนี้เหลือระดับ 5 แค่เพียง 4-5 ประเทศเท่านั้น อาทิ จีน เวียดนาม เป็นต้น

ผู้ช่วย รมว. รายงานเพิ่มอีกว่า ครม.เศรษฐกิจมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีย่านราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียง โดยจะมีการขยายพื้นที่กู้จากไม่เกิน 1 ล้าน เป็นไม่เกิน 5 ล้านบาท จะคิดดอกเบี้ย MLR-3% ซึ่งจะมีการเสนอให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง วันที่ 8 มิ.ย. นี้


from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วันเสาที่ผ่านมา
ได้มีโอกาสไปเดิน ถนนอังรีดูนังค์กับแม่มา
สินค้าถูกจริงๆ
คนก็ยังเยอะอยู่ดี
เยอะมาก
อากาศยิ่งร้ิอนๆ แต่ก็ยังเดินไหว เพื่อการช้อบปิ้ง
เรายอมได้ ฮ่าๆๆ

พอเดินได้ซักพัก แม่เราเริ่้มอยากเข้าห้องน้ำ
ห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดตรงนั้น คงเป็น รพ.ตำรวจ
จึงไปเข้าตรงโรงอาหารใน รพ.ตำรวจ
เจอ ผู้ชายคนนึง ปวดท้องมาก
ประมานว่า ไม่ไหวอยุและ
แต่ห้องน้ำชายปิดไปแล้ว
ป้าที่ทำความสะอาดแุถวนั้น ก็บอกว่าเข้าไม่ได้ห้องน้ำมันล็อก
พี่คนนึงก้บอกว่าให้เค้าเข้าห้องน้ำหญิงไปเถอะ เค้าปวดท้อง
ป้าก้ยังยืนยันว่า ไม่ได้ๆๆๆๆๆๆ

จะบ้าเหรอ เราคิดในใจ คนปวดท้องนะเว่ย ยังจะมาเรื่องมาก
เห็นแก่ตัวจริงๆ ห้องน้ำตรงนั้นมันเป็นของป้าคนเดียวรึไง

แล้วป้าแกก็บ่นๆ ว่า กทม ไม่ทำห้องน้ำมา
.... บลาๆๆๆ

ผู้ชายคนนั้นรำคาญ เลยไปหาเข้าที่อื่นก้ได้

เฮ้อ คนเรานี่ เห็นแก่ตัว

แถมวันนั้น ตอนเราขึ้นรถไฟฟ้า ที่สยาม
เราเห็นที่รอคิวเข้ารถไฟฟ้า มันว่างแถวนึง ไม่มีคนตั้งแถวใหม่
เราเลยไปตั้งแถวใหม่
แต่ดันมีเจ๊หน้าตาเหมือนแขก บอกว่า
นี่ ไม่เห็นรึไง เค้าเข้าคิวกันอยู่
เราก็เลยบอกว่า
อ๋อ ค่ะ มันมีสองคิว นี่ไงคะ
มันคงจะโง่ หรืออะไร ไม่รุ ดูแค่นี้ก็ไม่ออก ว่ามันตั้งแถว ได้อีก
เราทำถูกแล้ว เรื่องไรจะยอม
แล้วมันก้หันไปบ่นงึมงำกับตัวเอง เป็นภาษาอังกิด
ที่เราไม่ทันฟัง
แต่เราก้ไม่แคร์
ยืนต่อไป ช้านทำถูกแล้วนะ
ถ้ารุว่ามันพูดอะไีร ก็คงตอกกลับเปนภาษาอังกิด ไปแล้ว
แน่จิง พูดภาษาไทย ให้เราไ้ด้ยินเลยดิ จะได้เถียงกันทัน

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ขอบตาคล้ำ ทำไงดี

ปัญหาขอบตาคล้ำมักจะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกสำหรับสาว ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นบนใบหน้า เพราะมันจะทำให้หน้าคุณดูโทรม หมอง อย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่จะทำยังไงดี กับตาแพนด้าที่มีอยู่ วันนี้กระปุกมีวิธีมาบอกค่ะ

1. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะสาว ๆ ว่าแอลกอฮอล์นั้นมีผลทำให้ขอบตาคล้ำได้จริง ๆ เพราะแอลกอฮอล์นั้นมีปฏิกิริยาต่อหลอดเลือดที่อยู่ภายใต้ผิว ซึ่งทำให้ตาคุณบวม หรือขอบตาคล้ำได้ ดังนั้น ควรลดปริมาณการดื่มในแต่ละวันลงให้มากหน่อยนะคะ ยิ่งหลีกเลี่ยงได้ยิ่งดีเลยล่ะ

2. นอนหลับให้เพียงพอ วิธีนี้เป็นวิธีที่สาว ๆ รู้อยู่แล้ว เพราะทุกครั้งที่คุณนอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่เพียงพอ ตื่นเช้าขึ้นมาก็มักจะประสบปัญหาหน้าโทรมหมองอยู่เสมอ ดังนั้นควรนอนหลับให้เพียงพอค่ะ และถ้าจะให้ดี ต้องทำตามข้อ 3 ด้วยนะ

3. ใช้หมอนใบใหญ่และนุ่ม สาว ๆ เชื่อไหมว่า หมอนใบใหญ่และนุ่มนั้น นอกจากจะป้องกันการตกหมอนตอนกลางดึกแล้ว ยังทำให้คุณหลับลึกและหลับสบายด้วยค่ะ

4. หลีกเลี่ยงให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดให้มากที่สุด เพราะแสงแดดส่งผลให้เกิดเมลานินภายใต้ผิว ซึ่งจะทำให้ผิวดูคล้ำหมอง โดยเฉพาะผิวรอบดวงตาอันแสนบอบบาง ดังนั้นคุณควรเลี่ยงแสงแดดค่ะ หรือปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดที่มีค่า SFP สูง ๆ และหากเป็นไปได้ คุณอาจสวมแว่นตากันแดดทุกครั้งที่ออกแดดด้วยค่ะ

5. ให้อาหารผิวด้วยวิตามิน เพราะหากผิวขาดวิตามินก็ทำให้สีผิวรอบดวงตาคล้ำขึ้นได้ง่าย ๆ ค่ะ ซึ่งการให้อาหารผิวในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการทาครีมบำรุงเท่านั้นนะคะ แต่หมายถึงการรับประทานอาหารที่มีวิตามินด้วย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน B หรือสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่มีในวิตามิน C A และ E ก็ให้ผลดีมากเลยทีเดียวล่ะ

6. ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ alpha hydroxy acids เพื่อปรนนิบัติผิวในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะผิวรอบดวงตาค่ะ

7. หลีกเลี่ยงจากภาวะเครียด ความเครียดมักจะเป็นตัวบั่นทอนสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจ รวมถึงสุขภาพผิวด้วยนะคะ ความเครียดก็เลยมีส่วนทำให้ขอบตาคล้ำได้เหมือนกัน ดังนั้น คุณควรทำจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ รับรองว่า นอกจากจะทำให้ปัญหาขอบตาคล้ำหมดไปได้แล้ว ยังทำให้ผิวคุณดูดีขึ้นอีกด้วย

from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

6 พฤติกรรมที่สาวๆ หุ่นสวยไม่ควรทำ

ถึงแม้ว่าคุณจะมีรูปร่างที่เพรียวสวยอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไม่อ้วนได้ เพราะถ้าหากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง ก็จะส่งผลกระทบได้ในอนาคตอันใกล้ค่ะ ซึ่งเราก็มีพฤติกรรมแย่ๆ ที่ไม่ควรทำมาบอกให้ได้เป็นความรู้ จะได้ไม่ทำจนหุ่นสวยเสียไปซะก่อนนะคะ

1. ทำงานตอนกลางคืน

เวลาเย็นถึงค่ำควรเป็นเวลาที่เราจะได้ผ่อนคลาย แต่ถ้าคุณยังขยันนั่งทำโอทีอยู่ ความเครียดนี่ล่ะจะไปกระตุ้นฮอร์โมนให้เกิดการสะสมไขมันที่หน้าท้อง คนที่ยิ่งเครียดจึงมักจะยิ่งลงพุง และถ้าคุณทำงานดึกจนกระเพาะย่อยอาหารเย็นไปหมดแล้ว น้ำย่อยก็จะเริ่มออกมาอาละวาดอีกรอบ จนต้องวิ่งหามื้อดึกกันตาลาย และนั่นก็เป็นที่มาของไขมันส่วนเกินที่สะสมขึ้นเรื่อย ๆ

2. ให้อาหารเป็นรางวัลตัวเอง

การที่คุณเป็นคนชอบสังสรรค์ หรือชอบพาเพื่อน ๆ ไปกินเลี้ยงกันจะทำให้คุณอ้วนเร็วมากแบบไม่ทันตั้งตัว เพราะด้วยพฤติกรรมนี้ จะทำให้คุณติดนิสัยการช่างกินอย่างไม่ทันสังเกต

3. ไปซุปเปอร์มาเก็ตตอนหิว

รวมทั้งร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านด้วย เพราะคนที่เดินผ่านขนมเรียงรายสองข้างทาง โดยมีน้ำย่อยร้องหาอาหารอยู่ในกระเพาะ มักจะลืมตัวซื้อของกินมากกว่าปกติและมักจะเป็นอาหารต้องห้ามประเภท คุ้กกี้ เค้ก ช็อกโกแลต ที่ไม่มีโอกาสได้กินระหว่างไดเอท

4. ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่

เสื้อผ้าหลวม ๆ อาจจะใส่สบาย แต่มันจะทำให้คุณไม่รู้ตัวว่าอ้วนขึ้นและคนที่ใส่กางเกงตัวใหญ่ ๆ มักจะกินตามสบายแบบลืมอิ่ม เพราะกางเกงไม่ช่วยบอกเลยว่าถึงเวลาที่ต้องหยุดได้แล้ว นอกจากนี้คนที่ใส่เสื้อผ้าพอดีตัวจะควบคุมรูปร่างได้ดีกว่าร้อยละ 20 เลยทีเดียวค่ะ

5. ไม่นับแคลอรีอาหาร

อย่างน้อยคุณก็ควรจะมีสมุดจดบันทึกอาหารจานเด็ด ที่กินเข้าไปอย่างคร่าว ๆ จะได้กะได้ถูกว่าวันนี้กินเข้าไปมากน้อยแค่ไหน และมื้อเย็นยังจะกินตามใจปากได้อยู่หรือเปล่า คนที่ไม่จดเลยมักจะรู้สึกเราก็ไดเอทอยู่ตลอดเวลานี่นา เพราะไม่ได้กินอะไรหนัก ๆ เลย แต่ลืมคิดไปว่ากล้วยแขก 2-3 ชิ้น โดนัท 1 อัน ทุเรียน 1 เม็ดที่กินรองท้องไป รวม ๆ กันแล้วให้พลังงานมากกว่าข้าวทั้งจานเสียอีก


6. ออกกำลังแบบซ้ำซาก

การออกกำลังกายท่าเดิมทุก ๆ วัน ช่วงแรกอาจได้ผลดี แต่ต่อมาร่างกายคุณจะเริ่มเคยชินกับการเคลื่อนไหวแบบนั้น และจะเริ่มใช้พลังงานน้อยลง นั่นเพราะร่างกายปรับตัวได้แล้วเลยไม่ต้องออกแรงมากเท่าวันแรก ๆ จึงควรจะเปลี่ยนท่าหรือวิธีออกกำลังกายทุก 2 อาทิตย์ เพื่อให้น้ำหนักลดลงสม่ำเสมอหรืออาจจะออกกำลังกายหลาย ๆ อย่างรวมกันก็ได้ค่ะ

from kapook.com

วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วิธีดูแลเส้นผมหนีภัยร้ายใกล้ตัว

"ผม" หมาย ถึงเส้นผมที่อยู่บนหนังศีรษะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสีย ความร้อน และผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิกลักษณะของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อจิตใจของคน ใครที่พบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมหงอก อาจก่อให้เกิดปัญหาทางใจ เช่น ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้

สาเหตุของปัญหาผม

ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้

แชมพู

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผม คือสิ่งใกล้ตัวท่านแต่ถูกมองข้าม นั่นคือ แชมพูที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ แม้บางท่านจะบอกว่าท่านเปลี่ยนยี่ห้อไปอยู่เรื่อยๆ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสารทำความสะอาดที่ถูกผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ (แม้ในแชมพูที่ผสมสมุนไพรและอ้างว่าจากธรรมชาติ) ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงและมีความเป็นด่างสูง

เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate; SLS) ซึ่ง ให้ฟองได้มาก ราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย เช่นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตกค้างสะสมและทำลายเซลผม (รวมถึงรากผม เซลสร้างเม็ดสี และเส้นผม) และเซลผิวหนัง เมื่อใช้บ่อยๆจะยิ่ง กระด้าง แห้ง แข็งเป็นไม้กวาด เริ่มหวีไม่อยู่ทรง และ ทำให้หนังศีรษะมัน มากขึ้น

เนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารชะล้างอย่างรุนแรงและจะชะล้างไขมันตาม ธรรมชาติ(ที่ช่วยเคลือบให้ผมมันเงา) จึงทำให้ร่างกายต้องขับไขมันออกมาชดเชยมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของคนที่หนังศีรษะมันยิ่งสระผมหนังศีรษะก็ยิ่งมัน บางรายเกิดการระคายเคืองเซลผิวชั้นหนังกำพร้าทำให้เกิดเป็น รังแค แต่ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ซื้อแชมพูขจัดรังแคมาใช้

ซึ่งแชมพูประเภทนี้นอกจากจะมีสาร SLS แล้ว ยังผสมสารยับยั้งการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติของเซลชั้นหนังกำพร้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อหยุดใช้อาการที่เป็นก็กลับมาเป็นอีก ทำให้เซลผิวต้องสัมผัสกับสารเคมี และถูกกดการทำงานอยู่ตลอด ทำให้เป็น รังแคเรื้อรัง

ครีมนวดผม/ทรีทเม้นท์หมักผม

สำหรับผู้ที่ชอบให้ผมนิ่มลื่น อาจยังไม่รู้ถึงพิษภัยจากสารกลุ่มซิลิโคน (มักมีชื่อลงท้ายด้วย "thicone") เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone) ไดเอทธิโคน (Diethicone) หรือ อื่น ๆ เป็นสารเคลือบเส้นผมทำให้ผมนิ่มลื่น เป็นมันวาว มีสปริง หวีง่าย แต่จะตกค้าง เคลือบรูเส้นผม เมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆจะเกิดการสะสมอุดตันรูเส้นผม ทำให้เซลผมทำงานผิดปกติ การขับของเสีย การดูดซึมสารอาหารลดลง และทำให้ ผมร่วง เมื่อใช้ในระยะยาว

ที่เลี่ยงยากคือ สารเพิ่มฟอง เพิ่มความข้น ตัวฉกาจที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คือ DEA (ได เอทธานอลาไมด์) ซึ่งเกรงกันว่าอาจก่อ มะเร็ง จนในบางประเทศต้องให้ยกเลิกการใช้ สารอีกกลุ่มที่อาจก่อให้เกิด การแพ้ จากการใช้เป็นประจำแต่คนก็ชอบใช้คือ กลิ่นสังเคราะห์หอมๆ สีสังเคราะห์สวยๆ และลาโนลิน (Lanolin)

Demodex ไรขนที่คุณอาจไม่รู้

อีกสาเหตุหนึ่งที่คุณอาจไม่รู้คือ ไรขน (Demodex) ซึ่ง ติดต่อโดยการสัมผัส ตัวไรแพร่พันธุ์ อาศัยอยู่และแย่งกินสารอาหารที่รากผมทำให้ผมขาดสารอาหาร ผมจึงมี ขนาดเล็ก บางลง สีจางลง ขาดความมีชีวิตชีวา และหงอก นอกจากนั้นยังอาจทำลายโครงสร้างของเซลผม ทำให้ ผมร่วง หรือ หงิกงอ

เมื่อตัวไรคืบคลานไปบนหนังศีรษะหรือผิวโดยเฉพาะเวลากลางคืนจะทำให้ท่านที่มีประสาทไว (Sensitive) รู้สึก คันยิบๆ ขณะเดินทางมันจะปล่อยของเสีย และทิ้งคราบที่ลอกออกมา ทำให้เกิดขยะบนหนังศีรษะ หรือผิวหนังของเรา ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย ไวรัส และริกเก็ทเซียที่เกาะอยู่ตามข้อต่อเล็กๆ ของขาตัวไร จึงก่อให้เกิดการติดเชื้ออักเสบเป็น สิว หรือ ตุ่มแดง บนหนังศีรษะ

และที่สำคัญ หากร่างกายเกิดการต่อต้านของเสียที่ตัวไรขับออกมา และซากตัวไรที่ตาย ทำให้เกิดปฏิกิริยา แพ้ (Sensitization) เช่น แพ้เครื่องสำอาง สบู่ หรือแม้แต่เหงื่อของตัวเอง

และเนื่องจากที่ขาของตัวไรมีเล็บแหลมคมสำหรับเกี่ยวจึงทำให้ผิวหนังเกิดการ ระคายเคืองและมีปฏิกิริยาโต้ตอบ โดยการสร้างผนังเซลผิวชั้นนอกขึ้นอย่างรวดเร็ว(Proliferation of Epithelium) ทำให้ผนังเซลพอกหนาและหลุดร่อนออกมาเร็วกว่าปกติเกิดเป็น รังแคหรือ สะเก็ด บนหนังศีรษะ
from kapook.com

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

จุดแดง

จุดแดง จ้ำเลือด
มีวิธีตรวจง่ายๆ เพื่อแยกว่า จุดผื่นหรือจ้ำนั้นเกิดจากโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติทางเลือดหรือเปล่านั้น สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ใช้นิ้วมือรีดหนังบริเวณนั้นให้ตึง ถ้าจุดหรือผื่นนั้นจางหายไป ก็ไม่เกี่ยวกับเลือดออก (เช่น รอยยุงกัด) แต่ถ้าไม่จางหายก็แสดงว่ามีเลือดออกที่บริเวณนั้น

อาการเลือดออกตามผิวหนัง ถ้าเกิดเป็นจุดแดงๆ เล็กๆ เท่าหัวเข็มหมุด ก็เรียกว่า จุดแดง หรือเพเตเคีย (Petechiae) ถ้าเป็นจ้ำเขียวหรือม่วงขนาดโตกว่าปลายนิ้วมือขึ้นไป ก็เรียกว่า จ้ำเขียว ชาวบ้านเรียกพรายย้ำ ทางแพทย์เรียกเอคไคโมสิส (Ecchymosis)

จุดแดง และจ้ำเลือด อาจขึ้นได้ทั่วร่างกายที่หน้าผาก แขนขา หน้าอก หลัง บางครั้งขึ้นที่ตาขาว อาจมีเลือดออกตามที่ต่างๆ เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น

สาเหตุ เกิดจากความผิดปกติของเกร็ดเลือด (เพลตเลต-Platelets) ซึ่งเป็นเม็ดเลือดชนิดหนึ่งที่ช่วยให้เลือดแข็งตัว หรือความผิดปกติของสารอื่นๆ ในเลือดที่ช่วยให้เลือดแข็งตัวก็ได้ เช่น ไข้เลือดออก โรคโลหิตจางอะพลาสติก หรือ ไขกระดูกฝ่อ (มีอาการไข้ซีด มีเลือดออก แต่ตับม้าม ต่อมน้ำเหลืองไม่โต) มะเร็งในเม็ดเลือดขาว หรือ ลิวคีเมีย (มักมีตับม้ามโต ต่อมน้ำเหลือโตทั่วตัว) โรคเอสแอลอี (มีอาการผมร่วง ฝ้าแดงเหมือนแพ้แดดขึ้นที่ข้างจมูก ปวดข้อ) หรือเกิดจากพิษงูกะปะ งูแมวเซา เป็นต้น

การรักษา เมื่อพบมีจุดแดง จ้ำเขียว พรายย้ำ เกิดขึ้นควรปรึกษาหมอ โดยเฉพาะถ้ามีอาการไข้ซีด เหลือง เลือดออกตามที่ต่างๆ ตับม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโต
from ramaclinic.ra.mahidol.ac.th

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดลับแต่งหน้าในเวลารีบเร่ง

สาว ๆ หลายคนอาจจะเคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ที่พอตื่นนอนทีไรก็แอบปิดนาฬิกาปลุกนอนต่อซะทุกที กว่าจะตื่นอีกทีก็เหลือเวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่มากนัก และแน่นอนว่า มันก็ทำให้เวลาแต่งหน้าของคุณเหลือน้อยนิดไปด้วย แต่จะทำอย่างไร หากคุณอยากจะออกจากบ้านแบบสาวมั่นและใบหน้าที่สวยใส แต่มีเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยมีเคล็ดลับดี ๆ มาบอกกัน ให้คุณแต่งหน้าในเวลารีบเร่งได้ภายในไม่กี่นาที ไปดูกันเลยดีกว่าว่า มีอะไรบ้าง

1. ก่อนอื่นต้องล้างมือล้างหน้าให้สะอาด แล้วลงครีมตัวใดตัวหนึ่งที่คุณคิดว่าสำคัญที่สุดลงบนใบหน้า เพราะหากคุณทาครีมหลายตัว แล้วรอให้ครีมแต่ละตัวซึมลงไปบนใบหน้าก่อน นั่นทำให้คุณเสียเวลามากค่ะ ดังนั้นเลือกมาเพียงหนึ่งก็พอ

2. ลงรองพื้นและคอนซีลเลอร์เพิ่มความสว่างใส โดยใช้พู่กันเกลี่ยอย่างเบามือ และแตะคอนซีลเลอร์ในจุดที่ต้องปกปิดเพียงเล็กน้อย อ้อ อย่าลืมทารองพื้นที่เปลือกตากับริมฝีปากด้วยนะ เพราะจะทำให้เครื่องสำอางติดทนนานค่ะ

3. เมื่อคุณลงรองพื้นแล้ว อย่าเพิ่งลงแป้งถ้าหากคุณใช้บลัชออนชนิดครีม ให้บีบมันเล็กน้อยและเกลี่ยมันลงไปเบา ๆ บนพวงแก้ม วิธีนี้จะง่ายและทำให้เนื้อบลัชออนกลมกลืนกับใบหน้า ที่สำคัญใช้เวลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง หลังจากนั้นให้ใช้พู่กันปัดแป้งฝุ่นให้ทั่วใบหน้า

4. ปัดมาสคาร่าคิ้วและเน้นที่ขนตาหนา ๆ เพื่อให้ดวงตาคุณเด่นขึ้นมาโดยไม่จำเป็นต้องกรีดอายไลเนอร์ก็ได้ และถ้าเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการกรีดอายไลเนอร์หากคุณไม่ชำนาญจริง ๆ เพราะนอกจากจะทำให้คุณออกจากบ้านช้าแล้ว การกรีดอายไลเนอร์ในเวลารีบเร่งยังทำให้คุณต้องแก้แล้วแก้อีก สุดท้ายก็ใช้เวลาเท่ากับตอนที่ไม่รีบนั่นแหละ

5. จากนั้นเน้นดวงตาให้โดดเด่นด้วยอายแชโดว์เล็กน้อย อ๊ะ ๆ ไม่ต้องไล่สีซะหลายสีนะคะ เอาเป็นเฉดเดียวก็พอ และเวลารีบเร่งแบบนี้ แนะนำอายแชโดว์ที่ให้ประกายมุกเยอะ ๆ หน่อย แต่งออกมายังไงก็ดูดีเจ้าค่ะ

6. ใช้ลิปไลเนอร์เขียนขอบปากแล้วตามด้วยลิปสติกเหมือนปกติ แต่หากรีบเร่งมากจริง ๆ ลิปกลอสช่วยคุณได้ในทุกสถานการณ์ แถมยังวาวใสทำให้คุณดูมีเสน่ห์แบบใส ๆ อีกด้วย

7. อย่าลืมพกกระเป๋าเครื่องสำอางไปด้วยล่ะ เพราะแน่นอนว่า การแต่งหน้าในเวลาเร่งรีบอาจทำให้คุณเก็บรายละเอียดบนใบหน้าได้ไม่หมด ดังนั้นอย่าลืมเชียวนะคะ เพราะอย่างน้อยมีเวลาเมื่อไหร่ คุณก็พร้อมจะเอามันขึ้นมาเติมเต็มความสวยของคุณอีกที

เอาล่ะค่ะ คราวนี้สาว ๆ ที่มีเวลาแต่งหน้าน้อย ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเพียงไม่กี่นาทีคุณก็สามารถเนรมิตความสวยบนใบหน้าได้ พร้อมที่จะออกไปข้างนอกอย่างมั่นใจเหมือนทุก ๆ วัน

from kapook.com

วันอังคารที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

สูตรลับหน้าใสของสาวนอนผิดเวลา

คนที่นอนน้อย นอนผิดเวลา และอดนอน ผิวจะไม่เปล่งปลั่งสดใส แถมยังอ้วนง่าย คนข่าวที่ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีสองทุกวันอย่าง คุณกุ๊ก-กฤติกา ศักดิ์มณี จึงต้องจัดระเบียบทั้งการกินและนอน เพื่อรับมือกับปัญหานี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

"กุ๊กตื่นนอนตั้งแต่ตีสอง ระหว่างขับรถมาทำงานจะกินนม ขนมปังเหมือนเป็นอาหารเช้า ช่วง 10 โมงจะกินมื้อเที่ยง ต่อด้วยอาหารเย็นตอนบ่ายสองโมง สี่โมงเย็นก็เข้านอนแล้ว เพราะวิถีชีวิตไม่เหมือนคนอื่น กุ๊กจึงเคร่งครัดกับตารางชีวิต แต่ละวันต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ห้องนอนต้องจัดให้มืดเพื่อให้หลับสนิท"

"ปกติร่างกายคนเราจะได้หลั่งโกร๊ธฮอร์โมนเพื่อช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวใน ช่วงกลางคืน แต่เมื่อเปลี่ยนมานอนกลางวันกุ๊กจึงต้องชดเชยด้วยอาหารที่ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว โดยกินแป้งน้อย เน้นปลา ผัก ผลไม้สดที่มีวิตามินบีและซีเพื่อเพิ่มความสดชื่น ช่วยลดความเครียดจากการอดนอน ระหว่างมื้อจะดื่มน้ำผลไม้ เป็นน้ำแครอทปั่นผสมกับผลไม้อื่น ๆ ซึ่งคุณพ่อจะเตรียมไว้ให้เสมอ ช่วงหลังหันมาดื่มน้ำมะพร้าวด้วยเพราะคุณอาแนะนำว่าเป็นน้ำผลไม้ที่ปราศจาก สารพิษ"

"หากอยู่บ้านในช่วงวันหยุดกุ๊กจะชอบหมักผมด้วยน้ำมะกรูดหรือน้ำมันมะกอก ใช้เปลือกมะนาวถูเล็บถูมือ หรือขัดผิวด้วยมะขามเปียก ซึ่งก็เป็นสูตรง่ายๆ ที่ทำได้ทุกคน"

สูตรพอกหน้าใส

ส่วนผสม

- ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ
- มะเขือเทศลูกใหญ่ปั่นละเอียด 2 ลูก
- น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

นำ ส่วนผสมทั้งหมดมาผสมกัน ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ 15-30 นาทีแล้วล้างออก หากเหลือเก็บใส่กล่องแช่เย็นได้นาน 1 สัปดาห์

from kapook.com

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

ให้อาหารผิวขณะหลับ

ในช่วงระหว่างวันนั้น ร่างกายของเราจะวุ่นวายกับการปกป้องตนเองจากรังสียูวี มลภาวะ และสภาพที่ทำให้เกิดความเครียดอื่น ๆ และไม่สามารถเยียวยาตัวเองได้จนกว่าจะถึงเวลานอน เพราะในตอนกลางคืนระดับการเผาผลาญจะลดลง ทำให้ร่างกายผลิตอนุมูลอิสระได้ไม่มาก รวมทั้งไม่ถูกรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตโจมตี

ฉะนั้นเวลากลางคืนจึงเป็นเวลาที่เหมาะในการช่วยร่างกายซ่อมแซมตัวเอง ด้วยครีมบำรุงผิวที่มีประสิทธิภาพสูง ผิวหนังจะดูดซับมอยสเจอไรเซอร์ได้มากขึ้นในช่วงกลางคืน โดยคุณควรทาครีมในขณะที่ผิวยังมีความชื้นอยู่ เพราะผิวของคุณคือฟองน้ำอย่างดีหลังล้างหน้าเสร็จใหม่ ๆ ฉะนั้นก็ล้างหน้าให้สะอาด ใช้ผ้าขนหนูซับหน้าเบา ๆ และในขณะที่ผิวยังชื้น ๆ และรูขุมขนเปิดกว้างอยู่นั้น ก็ทาไนท์ครีมลงไป นอนหลับให้สบาย แล้วตื่นขึ้นมาพบกับความเปล่งปลั่งสดใส

from kapook.com

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

นายกฯ ประกาศพรก.ฉุกเฉิน

นายกฯ ประกาศ พรก.ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง พื้นที่ กทม.และปริมลฑณ โดยตั้งรองนายกฯสุเทพ เป็นหัวหน้าทีมรับผิดชอบ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชชีวะ นายกฯ ประกาศ พรก.ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงในพื้นที่ กทม.และปริมลทณ โดยตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวหน้ารับผิดชอบ ทั้งนี้เพื่อคืนความเป็นปกติสุขให้ชาว กทม. และต้องการระงับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือน โดยจะมีการดำเนินคดีกับแกนนำ รวมทั้งเพื่อระงับการก่องวินาศกรรม

อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะดำเนินไปตามกรอบกฎหมายสากล พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนอย่าเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง

from kapook.com

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

แปลก! สตรอเบอร์รี่ รสชาติเป็นสับปะรด

เป็นที่ดึงดูดความสนใจของคนที่ชื่นชอบผลไม้ซะเหลือเกิน สำหรับผลไม้ชนิดใหม่ "พายเบอร์รี่" ที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับสตรอเบอร์รี่ทุกประการ แตกต่างตรงที่สีของผลจะเป็นสีขาว ส่วนเมล็ดเป็นสีแดง และที่น่าแปลกคือรสชาติของมันดันไปเหมือนสับปะรดซะอย่างงั้นแน่ะ

โดยไอ้เจ้าพายเบอร์รี่ที่ว่านี้ ถูกค้นพบเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน ในประเทศแถบอเมริกาใต้ เมื่อแรกออกผลจะเป็นสีเขียว และค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงเรื่อย ๆ และเมื่อมันหวานและฉ่ำพอที่จะกินได้แล้ว เนื้อของพายเบอร์รี่จะเปลี่ยนเป็นสีขาว ส่วนผลของมันจะเล็กกว่าสตรอเบอร์รี่เล็กน้อย เรียกว่าเป็นพี่ราสท์เบอร์รี่ แต่เป็นน้องสตรอเบอร์รี่เลยก็ว่าได้

ตอนนี้เจ้าพายเบอร์รี่กำลังถูกนำมาวางขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วอังกฤษ และเป็นที่นิยมมากสำหรับผู้ที่ชอบลิ้มรสผลไม้ใหม่ ๆ ส่วนเรื่องของราคา แน่นอนว่าผลไม้ที่ออกผลในช่วงสั้น ๆ แถมยังมีสีสันน่ากินและมีรสชาติหวานอร่อยขนาดนี้แล้ว ค่อนข้างแพงแน่นอนล่ะ โดย ตอนนี้เค้าขายกันขีดละ 120 บาท ก่อนจะขึ้นราคาเป็นขีดละ 150 บาทตั้งแต่ช่วงกลางเดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป

from kapook.com

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

ถอนผมหงอกดีไหมนะ

ความเชื่อเรื่อง ของการถอนผมหงอกแล้วจะยิ่งทำให้ผมหงอกขึ้นจนทั่วศีรษะนั้น ในทางการแพทย์คงไม่ใช่ความจริงเท่าไร เพราะในความจริงรากผม 1 เส้น จะสร้างผมได้ 1 เส้น ต่อให้ตัดหรือถอนก็ไม่สามารถทำให้เส้นผมเพิ่มขึ้นได้มากกว่านี้ เพราะเส้นผมหงอกที่ถูกถอนหนึ่งเส้นจะไม่สามารถสร้างผมหงอกขึ้นมาได้อีก

แต่ผมหงอกที่เพิ่มขึ้นนั้น น่าจะมาจากปัจจัยอื่นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม ความเครียด อาหารที่รับประทาน มลภาวะและสารเคมีที่ส่งผลต่อเส้นผม การผลิตเส้นผมและหนังศีรษะ

ดังนั้น ก่อนที่จะมีผมหงอกก่อนวัยอันควร แนะให้ดูแลผมให้ดกดำด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ อุดมคุณค่าจากวิตามินบี, ไบโอติน และสังกะสี อย่างเช่น งาดำ, ข้าวกล้อง, ตับ, ปลาเนื้อขาว และแครอท เป็นต้น แล้วก็ทำจิตใจให้สดใส ไม่เครียดเกินไปนัก รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมด้วย

from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2553

7 วิธีบอกลาผิวมองคล้ำ

ปัญหาผิวคล้ำ นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของสาว ๆ หลาย ๆ คน เลยทีเดียว เพราะไม่ใช่แค่มันจะบั่นทอนความมั่นใจของคุณลงแล้ว ยังทำให้หน้าตาคุณดูหมอง โทรม และไม่สดใส อีกด้วย

นั่นไง ปฏิเสธไม่ได้เลยใช่ไหมคะ เอาล่ะค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมมีเคล็ดไม่ลับให้สาว ๆ ได้มีผิวที่สว่างสดใสมาฝากกัน

ข้อหนึ่ง บอกลาแสงแดด แสงแดดเรียกว่าเป็นสาเหตุหลักของความหมองคล้ำเลยล่ะค่ะ สาว ๆ โดยเฉพาะแสดงแดดช่วง 10 โมงเช้า ถึงบ่าย 3 เนี่ย เป็นแดดที่ทำให้ผิวเราคล้ำขึ้นอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้น หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดในช่วงเวลานี้เป็นดีค่ะ ถ้าหากมีความจำเป็นต้องออกแดดแล้วล่ะก็ อย่าลืมทาครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้งนะคะ อ้อ.. เอาทั้งที่กันได้ทั้ง UVA และ UVB ด้วยนะ

ข้อสอง ผักสดที่แสนจะมีประโยชน์ ผักเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเรามากมาย ไม่เว้นแม้แต่เรื่องผิวพรรณ ลองใช้มะเขือเทศฝานแล้ววางแปะไว้บนหน้าอย่างน้อย 10 นาที หรือใช้มะเขือเทศปั่นผสมโยเกิร์ตพอกหน้าคุณประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วล้างออก จะช่วยคืนความสว่างสดใสให้กับใบหน้าคุณได้ค่ะ

ข้อสาม น้ำตาลขัดผิว การใช้น้ำตาลขัดผิวเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน โดยใช้น้ำตาลประมาณ 2 ช้อนโต๊ะผสมลงในน้ำมันมะกอก เสร็จแล้วนำมานวดและขัดให้ทั่วใบหน้าและตัว ขัดอยู่อย่างนั้นจนกว่าน้ำตาลจะละลายค่ะ

ข้อสี่ มาสก์เปลือกส้ม ขั้นตอนง่าย ๆ คือปอกเปลือกส้มแล้วตากให้แห้ง ก่อนจะบดมันลงไปผสมกับแป้ง จากนั้นนำแป้งที่ผสมเปลือกส้ม มาผสมกับโยเกิร์ตในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง เสร็จแล้วนำมาพอกหน้าและทิ้งไว้จนกว่าจะแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น

ข้อห้า มะนาวเพื่อผิวขาว มะนาวเป็นผลไม้ที่ยอมรับกันมาตั้งแต่โบราณแล้วล่ะ ค่ะว่า สามารถทำให้ใบหน้าของเราสว่างใสขึ้นได้ ลองหยดน้ำมะนาว 2-3 หยดลงผสมกับดินสอพอง และน้ำผึ้งอีกเล็กน้อย พอกหน้าไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนล้างออก

ข้อหก พอกหน้าด้วยไข่ขาว โดยแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง แล้วนำไข่ขาวมาผสมกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์อีก 1 ช้อนชา พอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีก่อนล้างออก

ข้อเจ็ด เลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือวิตามินบี เพราะจะทำให้ เกิดการผลัดเซลล์ผิวและเพิ่มความสว่างใสให้กับผิว แต่ว่าระวังเรื่องผิวถูกแดดนิดนึงนะคะ วิตามินซีดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับแสงแดดเท่าไหร่ เดี๋ยวจะยิ่งคล้ำกันไปใหญ่ค่ะ แนะนำให้ใช้ครีมวิตามินซีทาทั่วใบหน้าก่อนนอน หรืออาจก่อนออกจากบ้าน แต่อย่าลืมตามด้วยครีมกันแดดด้วยนะคะ

และนั่นคือ 7 วิธีง่าย ๆ ให้คุณได้มีใบหน้าที่สว่างใส บอกลาความหมองคล้ำไปได้ตราบที่คุณหมั่นดูแลผิวของตัวเอง สาว ๆ คนไหนจะเลือกทำวิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ หรือจะทำหมดเลยก็ยิ่งดี รับรองค่ะว่าวิธีที่กระปุกดอทคอมแนะนำมาข้างต้นนี้ใช้ได้ผลดีจริง ๆ เลยล่ะ


from kapook.com

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

สุขสุด ๆ กับผมสลวย

หากเส้นผมเจอกับปัญหา...

ปลายผมแห้ง

เป็นเรื่องธรรมดาที่สาวผมยาวส่วนใหญ่เริ่มชาชิน ก็แหม ผมของเรามันยาวเสียจนน้ำมันจากหนังศีรษะมันมาหล่อเลี้ยงไม่ถึงนี่นะ วิธีแก้ปัญหานี้ก็คงต้องใช้วิธีหมั่นสำรวจเส้นผม และหมั่นเล็มปลายที่แห้งเสียออกทุก ๆ 4-6 สัปดาห์ และบำรุงปลายผมด้วยออยล์ หรือคอนดิชันเนอร์ชนิดที่ไม่ต้องล้างออก จะช่วยคืนความชุ่มชื้นให้ผมได้ นอกจากนี้ การเลือกใช้ปลอกหมอนที่ทำจากผ้าซาตินที่มีเนื้อลื่นละเอียด ก็จะลดการเสียดสีกับเส้นผมขณะนอนหลับ ช่วยรักษาเกล็ดผมได้

ผมขาดน้ำหนัก

เพราะเส้นผมถูกสารเคมีมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเจล มูส สเปรย์ และแว็กซ์จัดแต่งทรงผม เพราะในผลิตภัณฑ์พวกนี้มักมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ แล้วไหนจังมีเจ้ามลภาวะ ฝุ่น ควัน และแสงแดดคอยกระหน่ำซ้ำเติมเส้นผมให้สูญเสียโปรตีนกันเข้าไปอีก หากไม่อยากเจอปัญหานี้ก็ขอให้เลี่ยงการใช้สารเคมีกับเส้นผม รวมทั้งระวังน้ำหอมที่ฉีดบนเรือนร่างของเราจะไปโดยเส้นผมด้วยนะ และหากมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องลุยหน่อย ก็ใช้แฮร์โค้ทเคลือบปกป้องเส้นผมก่อนออกเผชิญโลกภายนอกหน่อยก็ดี

ผมลีบแบน

ส่วนใหญ่สาวผมลีบ จะมีผมเส้นเล็ก เมื่อไว้ผมยาวจึงทำให้ผมลีบแบนลงมา ทางออกของสาว ๆ กลุ่มนี้คือการเลือกใช้แชมพูที่เพิ่มวอลลุ่มให้ผมดูหนาขึ้น และหากต้องจัดแต่งทรงผมในโอกาสพิเศษ ให้ใช้สเปรย์บริเวณโคนผม โดยก้มศีรษะลงแล้วใช้ไดรเป่าสเปรย์ให้แห้ง แล้วเมื่อเงยหน้าขึ้น โคนผมที่ถูกสเปรย์จะพยุงตัวทำให้ผมดูหนาขึ้นอีกระดับ

ผมขาดง่าย

ผมที่ขาดง่ายส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการรวบ รัด มัดผมบ่อยเกินไป ทำให้เส้นผมเกิดรอยพับ และหักง่าย แก้ไขด้วยลองเปลี่ยนวิธีการรวบผมจากรวบดึงรัดแน่นมาลองมัดหลวม ๆ ดู จะช่วยคลายความเครียดของเกล็ดผมลงได้ หรือจะเปลี่ยนสไตล์มาปล่อยผมสบายออกก็เพิ่มเสน่ห์ได้ดีอีกแบบ แถมทรงผมที่มัดหลวม ๆ ยังทำให้ดูเซ็กซี่ขึ้นอีกด้วยนะ

from kapook.com

วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคมีพวงแก้มสวยสดใส

นอก จากการเลือกบลัชออนสีชมพูระเรื่อสดใสให้พวงแก้มแล้ว อุปกรณ์ในการปัดแก้มก็มีความสำคัญไม่น้อย ลองเลือกแปรงปัดแก้มขนาดเหมาะมือที่มีน้ำหนักพอดี ไม่หนักหรือเบาจนเกินไป ลองจับดูว่าเมื่อใช้ในการปัดแก้มสามารถมอบน้ำหนักของสีสันได้พอดีในการปัด เพียงไม่กี่ครั้ง เลือกชนิดที่ทำจากขนสัตว์ธรรมชาติจะให้สัมผัสที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่สร้างความระคายเคือง

แต่ถ้าคุณชอบบลัชออนเนื้อครีม แนะให้ใช้นิ้วกลางหรือนิ้วนางในการแตะเนื้อครีม เพื่อให้น้ำหนักนิ้วที่พอเหมาะมากกว่านิ้วชี้ที่อาจให้น้ำหนักกดที่มากเกิน ไปจนสีแก้มไม่ดูระเรื่อแบบธรรมชาติ


from kapook.com

วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

ลบริ้วรอยด้วยวิตามินซี

เพิ่มประสิทธิภาพให้แก่อายครีมของคุณ ด้วยการผสมน้ำร้อน 1/2 ช้อนชากับวิตามินซี 1 เม็ด ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนำมาผสมกับอายครีมของคุณ

แล้วนำมาแตะแต้มบริเวณใต้ตาเบา ๆ ก็จะช่วยลดเลือนริ้วรอยให้คุณได้ ถ้าคุณใช้อย่างต่อเนื่อง

from kapook.com

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553

เนื้องอกในมดลูก ความเสี่ยงสำหรับผู้หญิง

50% ของผู้หญิงไม่รู้ว่าตัวเองมีเนื้องอกที่มดลูก ถ้าเนื้องอกโตขึ้นก็จะไปเบียดอวัยวะใกล้เคียง บางคนอาจปวดท้องขณะมีประจำเดือนหรืออาจไม่มีอาการก็ได้

อดีต รมต.ต่างประเทศ ของสหรัฐฯ คอนโดลิซซ่า ไรซ์ เคยมีเนื้องอกที่มดลูก ทั้งนี้ มีสตรีจำนวนมากที่มีปัญหาเนื้องอกในมดลูก และตัดสินใจไม่ถูกว่า ควรจัดการกับเนื้องอกเจ้าปัญหาอย่างไรดี

ดังนั้น นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล กลุ่มงานสูตินรีเวชกรรม โรงพยาบาลราชวิถี จึงได้ตอบข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่ะ

ลักษณะของซีสต์ หรือเนื้องอกในมดลูกเป็นอย่างไร

ในมดลูกจะไม่ค่อยมีซีสต์ เพราะองค์ประกอบส่วนใหญ่ของมดลูกเป็นกล้ามเนื้อ ซีสต์มีองค์ประกอบเป็นของเหลว และมักเกิดในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น รังไข่ ท่อรังไข่ หรือปากมดลูก ที่ผิดปกติในมดลูกมักเป็นเนื้องอกมากกว่า

ทั้งนี้ เนื้องอกของมดลูกมีชนิดธรรมดา และชนิดที่เป็นมะเร็ง โดยเนื้องอกส่นใหญ่เกิดจากชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก ที่นี้เรามักพบเจอเนื้องอกธรมดาทั่วไปมากกว่า ซึ่งก็มีเนื้องอก 2 แบบใหญ่ ๆ คือ เกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง หรือเกิดจากมีเนื้ออย่างอื่น (เช่น เนื้อเมนส์) แทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อ แล้วทำให้มันโตขึ้นมา โดยอาจโตแบบกระจาย โตทั้งลูกเท่า ๆ กัน หรือแทรกแบบจุด ๆ แล้วจึงรวมกันเป็นก้อน อาจปูดด้านซ็าน ด้านขวา ด้านบน หรือด้านล่างของมดลูก เป็นต้น

หรืออีกชนิดหนึ่ง คือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แทรกเข้ามาในมดลูก หรือมีหลายเม็ดเกาะกันเป็นกลุ่มจนใหญ่ขึ้น ชนิดนี้เป็นเนื้องอกชนิดเยื่อบุมดลูกแทรกเข้ามา คือ งอกผิดที่

อาการที่บ่งบอกว่ามีเนื้องอกในมดลูก

อาการของเนื้องอกในมดลูกก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของเนื้องอก คือ ถ้ามันโตขึ้นมา เช่น โตเหมือนคนท้องสามเดือนก็จะคลำได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าใหญ่ไม่มากก็อาจคลำไม่พบและไม่มีอาการ แต่ถ้าเนื้องอกเข้าไปในโพรงมดลูกก็จะมีปัญหา คือ ประจำเดือนมามากผิดปกติ อาจปวดท้องหรือไม่ปวดก็ได้ การปวดของเนื้องอกส่วนใหญ่ชนิดที่ไมโอมา (Myoma) จะปวดก็ต่อเมื่อมีความเปลี่ยนแปลงในเนื้องอกซึ่งพบบ่อยคือ

1.เริ่มมีการย่อยสลายตัว เพราะมีขนาดใหญ่มาก เลือดไปเลี้ยงไม่พอจึงทำให้เนื้องอกขาดเลือด ก็จะเริ่มปวด

2.เนื้องอกกดเบียดอวัยวะอื่น เช่น กดกระเพาะปัสสาวะ กดลำไส้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็จะทำให้เกิดการปวดแบบหน่วง ๆ เหมือนมีก้อนหนัก ๆ ในท้อง และทำให้ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก หรือประจำเดือนมามาก บางคนไม่รู้สาเหตุก็ไปรักษากระเพาะปัสสาวะอักเสบ เพราะเนื้องอกไปกดทับท่อปัสสาวะ จึงทำให้จุได้น้อยลง แล้วก็เกิดการอักเสบได้ง่าน เนื่องจากมีเชื้อโรคคั่งอยู่ เป็น ๆ หาย ๆ เพราะไม่ได้รับการรักษาที่ต้นคอ คือ 50% ของผู้ที่มีเนื้องอกในมดลูกไม่มีอาการ มักตรวจพบเวลาตรวจภายใน หรืออัลตราซาวนด์

ถ้าไม่ได้อัลตราซาวนด์ แต่ตรวจภายในจะเจอไหม

ขึ้นอยู่กับขนาดและขึ้นอยู่กับสุภาพสตรีเท่านั้น คือ คนโสดจะไม่ค่อยไปตรวจภายใน จึงทำให้ได้ข้อมูลน้อย ดังนั้น ควรทำประกอบกันสองอย่าง หรือหากจำเป็นก็ทำอัลตราซาวนด์อย่างเดียว

แพทย์วินิจฉัยคนไข้อย่างไร ว่าเป็นเนื้องอกในมดลูก

ถ้าเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา ประมาณ 50% ของผู้มีเนื้องอกในมดลูกจะไม่มีอาการ หรือบางคนมีประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือเนื้องอกไปกดอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งแต่ละคนอาจมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตรวจภายในและอัลตราซาวนด์

วิธีรักษาเนื้องอก ต้องมีการพิจารณาอย่างไร

พิจารณาจากอายุ ความต้องการมีบุตร และความต้องการของผู้ป่วยเป็นหลัก แล้วก็พิจารณาจากตัวโรค ที่สำคัญคือ ต้องดูอาการ ขนาด และอัตราการโตของเนื้องอก หรือพิจารณาจากอายุ เช่น วัย 45 ปีขึ้นไป ตรวจพบเนื้องอกโดยดูจากตัวโรค แล้วจำเป็นต้องผ่าตัด แพทย์มักแนะนำให้ตัดมดลูก เพราะการรักษาแบบไม่ตัดมดลูกทิ้ง ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะมีเนื้องอกหลงเหลืออยู่

นอกจากนี้ แพทย์บางคนจะแนะนำให้ตัดรังไข่ด้วย เพื่อป้องกันมะเร็งรังไข่ เนื่องจากการเป็นมะเร็งรังไข่อันตรายมากถึงขั้นเสียชีวิต แต่ข้อเสียก็คือ ทำให้เข้าสู่วัยทองเร็ว หงุดหงิด ไม่สบาย กระดูกพรุนเร็วขึ้น และอาจต้องใช้ฮอร์โมนทดแทน ฉะนั้นการตัดรังไข่ออก ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด ในกรณีที่ปกติ แต่ถ้าผ่ามดลูกแล้ว เจอรังไข่เป็นซีสต์ หรืออื่น ๆ ก็ควรเอาออกไปด้วย

แล้วถ้าหากผู้หญิงต้องการมีบุตรล่ะ

กรณีที่ต้องการมีบุตรก็ตัดเฉพาะเนื้องอกออกได้ คือ ในคนอายุ 35 ปี ก็ต้องดูขนาดของเนื้องอกในการปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้ แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงขณะที่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะเมื่อเนื้องอกมีขนาด 5-6 ซม. เพราะอาจแท้งง่าย หรือคลอดยาก เนื่องจากมดลูกไปขวาง ซึ่งอาจต้องผ่าตัดคลอด หรืออาจคลอดก่อนกำหนด เพราะเนื้องอกอาจไปกระตุ้น เบียดพื้นที่มดลูกจากทารกอยู่ไม่ได้ คือ ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างในการมีลูก โดยเฉพาะตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก ถ้าเนื้องอกมีขนาด 1 ซม.มีประจำเดือนมาก ปวดท้องมากเวลามีประจำเดือนก็อาจกินยา

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ยารักษาเนื้องงอกช่วยได้แค่ชะลอ เป็นยาที่ประกอบด้วยโปรเจสเตอโรน ซึ่งมีในรูปยาฉีดหรือกิน หรืออีกแบบหนึ่งคือ จำลองวัยทอง แต่ถ้าหยุดยาก้อนเนื้องอกก็จะโตได้อีก ถ้าเนื้องอกมีขนาดเล็กประมาณ 2-3 ซม. ก็ต้องตรวจทุก 6 เดือน หรือปีละครั้ง ถ้ามีขนาดเล็ก และไม่มีอาการก็ไม่ต้องทำอะไรกับมัน

อะไรเป็นสาเหตุให้เนื้องอกในมดลูกโตขึ้น

องค์ประกอบที่ทำให้เนื้องอกโต ส่วนใหญ่เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ บางคนอาจมีฮอร์โมนปกติ แต่เนื้อมดลูกมีความไวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน หรืออาจเกิดจากฮอร์โมน หรืออาหารที่มีองค์ประกอบเปลี่ยนแปลงให้เกิดเอสโตรเจนมากขึ้น เช่น อาหารแคลอรีสูง (ฟาสต์ฟู้ด) น้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง

เนื้องอกทำให้เป็นมะเร็งรังไข่ได้ไหม

ส่วนใหญ่ตัวมดลูกเองจะไม่กระตุ้นที่รังไข่ แต่ถ้าเป็นมะเร็งที่มดลูก ก็อาจลามไปที่รังไข่ได้ เนื่องจากฮอร์โมนจากรังไข่ส่งมาถึงตัวมดลูก ทำให้มันทำงานผิดปกติ แต่ถ้าปราศจากรังไข่ มดลูกก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย คือ มดลูกจะเหี่ยว ฉะนั้นการตัดมดลูกออก เก็บรังไข่ไว้ ก็ยังมีการสร้างฮอร์โมนต่อไป ผิวหนังของคนเราก็จะไม่เหี่ยว

เนื้องอกในมดลูกอันตรายแค่ไหน

อัตราการโตขึ้นของเนื้องอกก็สำคัญ เพราะเป็นตัวบ่งชี้มะเร็ง โดยทั่วไปเนื้องอกจะมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งน้อย คือ ประมาณ 1% แต่ถ้าโตเร็วและมีเลือดออกมาผิดปกติก็อย่านิ่งนอนใจ ดังนั้น ถ้ารู้ตัวว่ามีเนื้องอกก็อย่ารอให้มีอาการ ควรไปพบแพทย์ตรวจเป็นระยะ เพื่อดูว่าโตขึ้นหรือไม่ เพราะเนื้องอกก็อาจกลายได้ อาจการที่กลายเป็นมะเร็งคือ ก้อนเนื้อโตเร็วผิดปกติ

ข้อแนะนำจาก นพ.วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล

ปัจจุบันมีหลายโรคและหลายภาวะที่ไม่มีอาการแสดงออก ฉะนั้น การตรวจภายในปีละครั้งก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรค หากรอให้มีอาการก็จะก่อให้เกิดผลเสียหลายประการ แม้ว่าการตรวจจะไม่ได้การันตีว่า ไม่ได้เป็นอะไร แต่อย่างน้อยก็จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอันตรายใหญ่ ๆ ได้

ที่สำคัญคือ เรื่องใหญ่ก็อาจกลายเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องเล็กก็จะบรรเทาลงได้ หากรู้ว่าตัวเราเองมีภาวะผิดปกติ บางครั้งก็เป็นเรื่องดี โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องที่สามารถช่วยให้เราเตรียมการป้องกัน หรือรักษาก่อนที่โรคจะลุกลาม

Tips การดูแลรักษาตัวเอง

การป้องกันไม่ให้เกิดเนื้องอกนั้นเป็นไปได้ยาก แต่การใช้ชีวิตมีส่วนทำให้เนื้องอกโตเร็วขึ้น วิธีป้องกันก็คือ

ไม่กินฮอร์โมน หากคุณต้องกินฮอร์โมนก็ควรถามสูตินรีแพทย์ว่า มีวิธีอื่นไหม หรือมียาอื่นทดแทนฮอร์โมนได้ไหม

กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง (กินสัปดาห์ละครั้งก็พอ) เพราะเนื้อสัตว์และไส้กรอกมีฮอร์โมนและสารพิษตกค้าง ซึ่งจะสะสมในร่างกายนานวันเข้าก็จะก่อให้เกิดเนื้องอกขึ้นมา

ลดอาหารประเภทโปรตีนและไขมัน เพราะผู้เชี่ยวชาญคาดว่า การลดอาหารทั้งสองประเภทดังกล่าว จะช่วยยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกได้ หากคุณต้องการไดเอ็ต หรือเข้มงวดกับอาหารก็ควรปรึกษาแพทย์

ออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า การเกิดเนื้องอกในมดลูก และ Endometriosis ก็เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดลมไม่ดี ซึ่งแพทย์แผนจีนมีความเห็นว่า การไหลเวียนของพลังชิมีปัญหาที่อุ้งเชิงกราน แต่การออกกำลังกายสามารถช่วยได้ เช่น การฝึกชี่กง โยคะ หรือยิมนาสติกบริหารอุ้งเชิงกราน

from kapook.com

วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคแต่งหน้า เทรนด์เกาหลี

เทรนด์เกาหลีตอนนี้กำลังมาแรงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร นักร้อง โอ้ย...อะไรก็เกาหลีไปหมด สำหรับการแต่งหน้าก็ไม่แพ้กัน เครื่องสำอางเกาหลีก็ยอดฮิตในหมู่สาว ๆ ครั้งนี้เรามีเทรนด์การแต่งหน้าสไตล์สาวเกาหลี ที่เป็นสไตล์สวยใสแบบธรรมชาติ ไม่เน้นสีสันฉูดฉาด มากฝากสาว ๆ ทั้งหลายจ้า..

One

เริ่มต้นด้วยรองพื้น ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการแต่งหน้าสไตล์นี้ เลือกรองพื้นให้ตรงตามสีผิวของเรามากที่สุด ลงรองพื้นบางๆ ไม่ต้องหนามาก จากนั้นใช้คอลซีลเลอร์แต้มจุดที่เราต้องการปกปิด แล้วเกลี่ยให้เรียบเนียนเข้ากับรองพื้น

Two

มาต่อกันที่คิ้ว เป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญเช่นกันกับการลงรองพื้น การแต่งหน้าสไตล์เกาหลีนิยมเขียนคิ้วตามรูปคิ้วจริง ใช้ดินสอเขียนคิ้วและแชโดว์บรัช จะช่วยให้เขียนออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติ

Three

จากนั้นลงอายแชโดว์สีชมพูลงก่อน แล้วตามด้วยการไฮไลท์สีมุก สีชมพูจะทำให้ตาดูสว่างเพิ่มการไฮไลท์เข้าไปยิ่งทำให้ดวงตาดูสดใส แต่อย่ามือหนักลงสีเยอะเกินไปนะคะ เดี๋ยวจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เมื่อลงอายแชโดว์เรียบร้อยแล้ว เขียนอายไลน์เนอร์เล็กน้อยเฉพาะขอบตาบนเท่านั้นนะคะ

Four

ลงมาที่แก้ม ใช้บรัชออนสีชมพูอ่อน ๆ ปัดเบา ๆ ที่โหนกแก้ม มีเทคนิคนิดหน่อยคือ เวลาปัดควรยิ้มค่ะ โหนกแก้มจะได้นูนขึ้นมา สีชมพูจะทำให้พวงแก้มดูมีเลือดฝาด เป็นสีชมพูระเรื่อย ดูเป็นธรรมชาติและสุขภาพดีค่ะ

Five

ปิดท้ายที่ริมฝีปากค่ะ ควรเลือกลิปสติกเฉดสีแดง ทาบริเวณในปากเท่านั้นค่ะ ริมฝีปากจะดูสว่างสดใสขึ้น จากนั้นให้ทาลิปกลอสทับ ทาบริเวณด้านในและด้านนอก ข้อควรระวังคืออย่าทาลิปกลอสมากเกินไป เพราะความมันจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติค่ะ

from kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

กรี๊ดดด..ขอบตาดำ ทำไงดี

"ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ"…เป็น ประโยคที่ได้ยินเป็นประจำ การที่เราจะมองใครคนหนึ่งว่าสวยหรือไม่ ตาก็เป็นจุดที่สำคัญจุดหนึ่ง ถ้าใครมีดวงตาที่ผ่องใส ผิวหนังรอบตาไม่มีมลทิน ก็ทำให้หน้าดูสวยไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าใครมีปัญหาขอบตาคล้ำ ก็ทำให้ใบหน้าดูหมอง ไม่สดใส ความสวยงามก็ลดลงไปแล้ว ดังนั้น การรักษาผิวรอบดวงตาที่หมองคล้ำทำให้กลับมาสดใส จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น ปัญหาใต้ตาคล้ำ เป็นสิ่งที่พบได้บ่อย ๆ ในคนไทย ก่อนจะมาถึงการรักษา ควรจะต้องทราบถึงสาเหตุเสียก่อน เพื่อให้การรักษาได้ผลดีขึ้น และเป็นการป้องกันไม่ให้รอยดำเป็นมากขึ้น

สาเหตุของขอบตาดำ มีอยู่ด้วยกันหลายสาเหตุ บางคนมีสาเหตุจากหลาย ๆ สาเหตุไม่ว่าจะเป็น

สาเหตุแรกมาจากกรรมพันธุ์ ถ้าคนไทยมีขอบตาดำ แล้วลองหันไปมองญาติพี่น้อง พ่อแม่ของคุณดูว่าเป็นแบบเดียวกับที่คุณเป็นหรือไม่ ถ้าเป็นละก็ การรักษาและป้องกันอาจจะยาก

ต่อมาเป็นสาเหตุมาจากภูมิแพ้ คนที่เป็นภูมิแพ้ จะพบว่าเส้นเลือดดำที่อยู่รอบตาจะขยายใหญ่มากกว่าคนทั่วไป และเส้นเลือดดำเหล่านี้นี่เอง ที่เป็นสาเหตุให้ขอบตาของคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ ดูคล้ำกว่าคนทั่วไป

การระคายเคืองแถว ๆ รอบตา ก็สามารถทำให้ขอบตาคล้ำได้เช่นกัน การขยี้ตาบ่อย ๆ เพราะการขยี้ตา จะกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสีให้เพิ่มจำนวนขึ้นบริเวณนั้น หรือแม้แต่การแพ้ครีมทารอบดวงตา บางคนอาจแพ้สารบางอย่างในครีม ซึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า ใครจะแพ้สารตัวใด ใครบ้างที่จะเป็น ถ้ารู้ว่าแพ้คงต้องหยุดการทาครีมดังกล่าว ถ้าไม่ทราบอาจต้องพึ่งการทดสอบว่าแพ้สารที่ต้องสงสัยหรือไม่

อดนอน ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะสาเหตุนี้เป็นสาเหตุที่พบบ่อยในสภาพสังคมปัจจุบัน ใครที่รู้ตัวว่าอดนอนบ่อยๆ หรือนอนดึก ก็ขอให้นอนเร็วขึ้น เพื่อที่ขอบตาจะได้ดูสดใสกว่าเดิม

หรือแม้แต่เป็นปานโอตะ ซี่งปานโอตะนี้คือ เซลล์เม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังแท้ พบในบางคนที่มีความผิดปกติที่เซลล์สร้างเม็ดสีอยู่ผิดที่ ซึ่งมักพบบริเวณรอบ ๆ ตา โดยมากมักจะเป็นข้างเดียว แต่มีบางคนอาจเป็นได้ทั้ง 2 ข้าง ทำให้ขอบตาดูเขียวคล้ำ

วิธีการรักษาขอบตาดำก็ไม่ยาก ถ้าไม่ใจร้อน รักษาแบบได้ผลช้า ๆ ก็ใช้เป็นยาทาใต้ตาที่มีส่วนผสมของ Whitening เช่น วิตามินซี แต่ถ้าต้องการให้เห็นผลดีมากขึ้น และได้ผลเร็ว ๆ การรักษาด้วยเลเซอร์ หรือเครื่องแสงเข้มข้น เป็นวิธีที่ได้ผลดี

เลเซอร์ที่ใช้รักษาขอบตาดำได้ ที่นิยมมากที่สุดคือ Nd-yag laser นอกจากนี้เลเซอร์ตัวนี้ยังสามารถรักษาภาวะปานโอตะได้ด้วย หลังยิงเลเซอร์ ผิวบริเวณนั้นจะเป็นสะเก็ด และสะเก็ดจะหลุดออกภายใน 1-2 อาทิตย์ และผิวของตาที่คล้ำก็จะดูขาวขึ้น

ส่วนเครื่องแสงเข้มข้นคล้ายกับเลเซอร์ แต่ต่างกันที่หลังจากยิงเสร็จแล้วจะไม่เป็นแผล แต่อาจจะเป็นสะเก็ดฝอย ๆ เล็กน้อย แต่เครื่องนี้ไม่สามารถรักษาภาวะปานโอตะได้

ขอบตาดำเป็นเรื่องที่ต้องรักษากันนาน และถ้าไม่รู้จักดูแลตัว เองให้ดี นอนหลับไม่เพียงพอ ไม่ช้าขอบตาก็กลับมาดำได้อีก ดังนั้น การดูแลเอาใจใส่รอบดวงตาเสียแต่ เนิ่นๆ ก่อนที่จะเริ่มเป็นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด...

from kapook.com

วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553

กินแก้เส้นเลือดขอด

เมื่อเรียวขาสวย เกิดปัญหาไม่น่ามองเพราะเส้นเลือดขอด ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเดิม ๆ เช่น เลิกสวมใส่เสื้อผ้ารัดแน่น ไม่นั่งไขว้ห้างหรือยืนเป็นเวลานาน ไม่ยกของหนัก และกินอาหารเหล่านี้เพื่อช่วยลดเส้นเลือดขอด

ใย อาหารไม่ละลายน้ำ เช่น ยอดแค มะเขือพวง ถั่วเมล็ดแห้ง ทับทิม ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ลดการปวดเกร็งซึ่งส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอด

วิตามิน ซี เช่น แขนงผัก บรอกโคลี พริก ผลไม้ตระกูลส้ม ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง

ผัก ผลไม้ที่มีสารฟลาโวนอยด์ เช่น เบอร์รี่ องุ่น ธัญพืช ทำงานร่วมกับวิตามินซีเสริมความแข็งแรงและลดรอยรั่วของหลอดเลือด

from kapook.com

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

5 วิธีใส่เสื้อผ้าให้ดูผอมเพรียวทันใจ

1. ใส่เสื้อผ้าสีเข้มเข้าไว้ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าชุดสีดำนั้นช่วยพรางรูปร่างได้เป็นอย่างดี แต่ก่อนที่คุณจะวิ่งไปซื้อมาใส่เต็มตู้ สำรวจนิดนึง ว่าซีซั่นนี้เสื้อผ้าสีเข้มสีใดที่มาแรง อาจเป็นสีน้ำเงินเข้มหรือเทาเข้มก็ได้

2. รองเท้าส้นสูงมีส่วนช่วยมาก ข้อเท็จจริงที่ว่ารองเท้าส้นสูงสามารถใส่ได้กับเสื้อผ้าทุกชุดนั้น คุณไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ข้อดีอีกข้อหนึ่งก็คือส้นสูง ยังทำให้ขาของคุณดูเรียวขึ้นและช่วยยกสะโพกขึ้นได้เล็กน้อย ไม่เชื่อลองดูสิ

3. คาดเข็มขัดเส้นโต ใครจะเชื่อว่าความมหัศจรรย์ของเข็มขัดเส้นใหญ่จะมีจริง เพราะแค่ขนาดต่างกัน มันก็ทำให้เรือนร่างของคุณเปลี่ยนได้เช่นกัน

4. อ้าแขนต้อนรับผิวสีแทน มันเยี่ยมมากถ้าคุณอยากจะพรางส่วนเกินชิ้นยักษ์ของคุณ หาครีมทาผิวสีแทนมาทาส่วนเกินสักนิด อย่าทาทั้งตัว แต่ให้นึกถึงการทำไฮไลต์เข้าไว้แล้วเรือนร่างของคุณจะดูมีมิติขึ้น

5. หาจุดเด่นของตัวเองและเผยให้ดูโดดเด้งที่สุด โอกาสดีเป็นของคุณแล้ว ถ้าคุณเป็นคนมีหน้าอกก็ให้ใส่ชุดเข้ารูปเล็กน้อย หรือถ้าเป็นสาวขาเรียวเลือกใส่สกินนี่จะดีที่สุด เพราะเมื่อจุดเด่นของคุณเด่นชัด แน่นอนจุดด้อย จะจางหายไปทันที แต่ก็อย่าให้มากจนดูไม่งามล่ะ

from kapook.com

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ซูชิ ทานอย่างไรถึงจะดี

ถ้าคุณรู้จักทาน – ซูซิจะเป็นแหล่งสารอาหารชั้นดีให้ร่างกาย

ถ้าคุณทานไม่เลือก – เจ้าชิ้นพอดีคำนี้สามารถขยายรอบเอวคุณให้กว้างขึ้นได้

Men’s Health แนะนำให้คุณลองใช้เทคนิคต่อไปนี้ เพื่อจะได้ทานซูชิอย่างสุขภาพดีได้ต่อไป

1.ลอง เติมเมล็ดงาลงบนหน้าซูซิ คุณจะได้รับแมกนีเซียมซึ่งเป็นสารช่วยกระตุ้นสมอง หรือจะเพิ่มไข่ปลาคาเวียร์ลงไปด้วย เพื่อโอเมกา -3 อันเต็มเปี่ยมนั่นเอง

2.ถ้า เป็นร้านซูชิชั้นดี จะเลือกใช้เฉพาะปลาสด ๆ ในการทำม้วนโรลนะครับ ลองถามหาปลาเหล่านี้ดู "อลาสกาแซลมอน" หรือ "ปลาเทราต์เรนโบว์" ซึ่งทั้งสองชนิดต่างอุดมด้วยโปรตีนและโอเมกา -3

3.บอก เชฟว่า ขอซูชิเนื้อปูจริง ๆ ไม่ใช่เนื้อปลาบดแช่แข็ง หรือเนื้อปูเลียนแบบ (ที่มีโปรตีนไม่ถึงครึ่ง แถมยังไม่ค่อยมีโอเมกา -3 อีกต่างหาก) แน่นอนว่าย่อมแพงกว่า แต่คุณประโยชน์เยอะกว่ากันมากเลยนะครับ

ลองใช้ข้อมูลเหล่านี้ช่วยในการตัดสินใจว่า คราวหน้าจะเลือกสั่งอะไรดี ซึ่งจัดลำดับจากดีที่สุดไปหาแย่ที่สุด โดยวัดจากแคลอรี แต่หลักง่าย ๆ นะครับ พยายามเลี่ยงของทอด (เช่น เทมปุระ เป็นต้น)

from kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดูแลตัวเองให้ถูกวิธี ให้ดูที "กรุ๊ปเลือด"

สาวๆ ที่มีกรุ๊ปเลือด A :: จะ มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเครียดเนื่องจากร่างกายจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนเครียดมาก ดังนั้นควรจะออกกำลังกายด้วยการจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น โยคะ ไทชิ หรือนั่งสมาธิ เพื่อลดความเครียด หากออกกำลังกายก็อย่าหักโหม

นอกจากนี้สาวๆ กรุ๊ปเลือด A ยังไม่ควรบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะผู้ที่มีหมู่เลือดนี้จะไม่ค่อยมีเอนไซม์และกรดที่ย่อยโปรตีนจากเนื้อ สัตว์ ควรงดการดื่มนมสดและผลิตภัณฑ์จากนม เพราะจะทำให้เกิดท้องอืด ท้องเฟ้อ ทางที่ดีควรรับประทานผัก อย่างฟักทอง แคร์รอต ผักโขม บร็อกโคลี่ และพืชตระกูลถั่ว โดยเฉพาะถั่วเหลือง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีโปรตีนสูงและช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และควรดื่มชาเขียวเป็นประจำเพื่อช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ควรจำกัดน้ำตาล คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะไปเพิ่มความเครียด และทำให้กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานช้าลง



สาวๆ ที่มีกรุ๊ปเลือด B ::เมื่อ ร่างกายไม่สมดุลระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลจะเพิ่มสูงขึ้นทำให้มีโอกาสที่จะติด เชื้อ เกิดอาการเหนื่อยล้า จิตใจมัวหมอง สาวๆ ควรสร้างความสมดุลด้วยการออกกำลังกายในรูปแบบที่ท้าทายแต่ต้องใช้สมาธิควบ คู่ไปดวย เช่น เทนนิส ศิลปะการต่อสู้ ปั่นจักรยาน เดินทางไกล กอล์ฟ หรือไทชิเป็นการลดความเครียด ลดความดัน ทำให้ผ่อนคลาย สร้างสมดุลให้กับร่างกาย

สาวๆ เลือดกรุ๊ปนี้เหมาะกับการดื่มนมหรือผลิตภัณฑ์จากนม และเนื้อสัตว์ แม้คนหมู่เลือดนี้จะสามารถเผาผลาญโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดีก็ตามแต่ก็ไม่ควร กินเนื้อสัตว์ที่ติดมัน ไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป และหลีกเลี่ยงเนื้อไก่
เด็กดีดอทคอม :: ดูแลตัวเองให้ถูกวิธีให้ดูที "กรุ๊ปเลือด"; tags: สุขภาพ , อาหาร , ผู้หญิงดูแลตัวเองให้ถูกวิธีให้ดูที "กรุ๊ปเลือด"

เด็กดีดอทคอม :: ดูแลตัวเองให้ถูกวิธีให้ดูที "กรุ๊ปเลือด"; tags: สุขภาพ , อาหาร , ผู้หญิง ดูแลตัวเองให้ถูกวิธีให้ ดูที "กรุ๊ปเลือด"



สาวๆ ที่มีกรุ๊ปเลือด AB :: เป็น สาวๆ ที่รักความเคลื่อนไหว ดังนั้นควรออกกำลังกายในรูปแบบที่ใช้แรงมากและต้องสร้างสมาธิได้ด้วย อย่างเช่นโยคะ หรือแอโรบิก คนเลือดกรุ๊ปนี้มีกรดไฮโดรคลอริกน้อยทำให้ย่อยอาหารได้ยาก จึงต้องจำกัดปริมาณเนื้อสัตว์ไม่ควรรับประทานเนื้อไก่ ควรหันมาบริโภคถั่วเหลือง ปลา ไข่ไก่ และผักแทน ไม่ควรดื่มคาเฟอีนและแอลกอฮอล์มากเกินไป และไม่ควรอดอาหารเพราะจะทำให้เกิดความเครียด

สาวที่มีเลือดกรุ๊ป O :: ควร จะออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเต้นแอโรบิก วิ่ง หรือปั่นจักรยานจะช่วยปรับสภาวะสมดุลของอารมณ์ได้ คนเลือดกรุ๊ปนี้โปรตีนเป็นสิ่งสำคัญ แต่ควรจำกัดการบริโภคถั่วและหมู ส่วนนมและผลิตภัณฑ์จากนมให้บริโภคแต่น้อย เพราะร่างกายย่อยได้ยาก ควรจะหันมารับประทานผักผลไม้ให้มาก

from dekd.com

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีแต่งหน้า เปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย

Eyes

ไล้อายแชโดว์สีส้มอมทองทาให้ทั้งเปลือกตา สร้างมิติให้กับดวงตาโดยใช้สีน้ำตาลทองบริเวณขอบตาขึ้นไปจนถึงรอบพับเปลือก ตา และทาจากหางตาบริเวณขอบตาล่างมายังกึ่งกลางตา ใช้ผู้กันแต้มสีส้มอมทองแล้วไล้ที่หัวตาเล็กน้อย จากนั้นใช้ดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลเข้ม เขียนให้ชิดขอบตาบนค่ะ

Cheek

ใช้บลัชออนสีส้มหรือสีพีช ปัดบริเวณโหนกแก้ม โดยขณะที่ปัดให้ยิ้มเล็กแล้ว จะเห็นโหนกแก้มได้ชัดขึ้น

Lip

ทาลิปสติกสีม่วงอมแดง แล้วตามด้วยลิปกลอสประกายมุก เพื่อเพิ่มความเปล่งประกายบนริมฝีปากค่ะ

และแล้วความสวยก็มาเยือนคุณได้อย่างง่ายดายทีเดียวค่ะ แหม ! วิธีดี ๆ แสนง่ายแบบนี้เห็นทีสาว ๆ ต้องกระซิบต่อ ๆ กันไปแล้วล่ะจ๊ะ...


from kapook.com

วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ต้นขจร...อาหารบำรุงฮอร์โมนหญิง

ห้อมหอมกลิ่นดอกขจรลอยฟุ้งมาแต่ไกล นอกจากใครหลายคนจะชอบปลูกต้นขจรไว้ประดับบ้านแล้ว คุณรู้หรือไม่ว่า ต้นขจร หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าต้นสลิดนั้นยังสามารถนำส่วนต่าง ๆ มาประกอบอาหารและเป็นยาสมุนไพรรักษาโรคได้อีก ว่าแล้วอย่ารอช้า เรามาทำความรู้จักกับต้นขจรกันค่ะ

คุณค่าทางอาหาร

ทั้งยอดอ่อน ผลอ่อน และดอกของขจรสามารถนำมาทำอาหารได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะใช้เป็นผักต้มหรือผักลวกจิ้มน้ำพริก หรือทำเป็นอาหารอื่น ๆ เช่น แกงส้มดอกขจร ยำดอกขจร แกงจืดดอกขจร ข้าวต้มดอกขจร เป็นต้น และส่วนที่มีคุณค่าทางอาหารมากที่สุดคือส่วนยอดอ่อน ทั้งนี้ดอกขจรมีคุณค่าวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ได้แก่ วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม และฟอสฟอรัสสูง

สรรพคุณทางยา

ดอกขจร มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน รักษาหวัดที่เกิดจากการตากลมหรืออากาศเย็น ช่วยบำรุงตับ บำรุงสายตา บำรุงเลือด บำรุงฮอร์โมนของสตรี ช่วยขับเสมหะ และแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ

ราก เป็นเครื่องยาสมุนไพรใช้หยอดรักษาตา อีกทั้งมีสรรพคุณทำให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมา ดับพิษได้อีก

from kapook.com

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สมุนไพรในครัวแก้ผมแตกปลาย

ณเคยมีผมแตกปลายไหม... สำหรับคนรักเส้นผมแล้ว เรื่องนี้อาจเป็นปัญหาทุกข์ใจได้ บางคนเสาะหาสารพัดวิธี ทั้งเล็ม ตัด หรืออบไอน้ำ ด้วยครีมบำรุงที่มีราคาแพงซึ่งช่วยได้บ้าง แต่ก็อาจกลับมาแตกปลายได้อีก

เกร็ดสุขภาพมีวิธีธรรมชาติที่ถูกแสนถูกและได้ผลดี แถมไม่เป็นอันตรายต่อเส้นผมอันบอบบางของคุณ ว่าแล้วเข้าครัวหาสมุนไพรใกล้ ๆ ตัวกันค่ะ

ชะอม ต้มใบชะอมประมาณ 1 กำมือกับน้ำสะอาด 3 ถ้วยจนเดือด กรองเอาแต่น้ำสีเขียวใส ๆ พักให้เย็น หลังจากสระผมสะอาดแล้ว นำผ้าขนหนูชุบน้ำชะอมพอหมาด ๆ เช็ดถูให้ทั่วศรีษะ จะช่วยคืนสภาพเส้นผมให้ดีขึ้น และไม่ทำให้ผมแตกปลายอีกด้วย

ตะไคร้ ตะไคร้ที่เราใส่ในต้มยำนี่แหละค่ะใช้แก้ปัญหาผมแตกปลายได้ผลดีทีเดียว โขลกตะไคร้ 2-3 ต้นให้ละเอียด กรองเอาแต่น้ำ หลังจากสระผมสะอาดดีแล้ว นำน้ำตะไคร้มานวดให้ทั่วศรีษะทิ้งไว้สัก 10 นาที จึงล้างออก ทำเป็นประจำทุกครั้งหลังสระผม

from kapook.com

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เรื่องความสูงของส้นรองเท้า

เรื่องความสูง ของส้นรองเท้านั้น มีหลายคนเขียนไว้แตกต่างกัน บางท่านก็แบ่งเพศว่า ชายสูงไม่เกิน 3.5 ซม. หญิงสูงไม่เกิน 4.5 ซม. จึงได้มีผู้ทำการ ศึกษาวิจัย โดยทำการทดลองให้ใส่รองเท้าส้นสูงในขนาดต่าง ๆ กัน แล้วให้เดินสายพาน ในความเร็วประมาณ 4 กม.ต่อชั่วโมง ติดอุปกรณ์ถ่ายภาพความเร็วสูงและศึกษาการทำงานของกล้ามเนื้อ และการขยับของข้อต่าง ๆ พบว่า ปัญหาจะ เกิดขึ้นเมื่อรองเท้าส้นสูงเกินกว่า 5 ซม. หรือ 2 นิ้ว อันนี้เป็นการทดลองในผู้หญิงที่ใส่ส้นสูงประจำครึ่งหนึ่ง และใส่ส้นเตี้ยประจำครึ่งหนึ่ง

จากการสำรวจด้วยแบบสอบถามในต่างประเทศ พบว่ามีสุภาพสตรีที่มีปัญหาเรื่องปวดเท้า ประมาณ 80% และในจำนวนนี้ มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องกับรองเท้าส้นสูงถึง 75% จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่ามีผู้มาพบแพทย์ด้วยปัญหาปวดเท้า แต่ในบางรายก็อาจจะเป็นเนื่องจากรูปร่างของเท้าที่ผิดปกติ

สำหรับเรื่องรองเท้าส้นสูงที่เกิน 2 นิ้ว นะครับ จะส่งผลให้เกิดปัญหา ตั้งแต่เล็บเท้าขบ หูดหรือตาปลาที่ฝ่าเท้า เส้นประสาทเท้าอักเสบ เอ็นข้อเท้าอักเสบ กล้ามเนื้อน่อง และเอ็นร้อยหวายหดรั้ง การบาดเจ็บจากเท้าพลิก นอกจากนี้ยังมีอาการเจ็บเข่า เนื่องจากการเกร็งของเข่าเพื่อการทรงตัว และที่สำคัญคือ ยังส่งผลถึงกระดูกสันหลังด้วยครับ การทานอาหารให้ครบหมู่ มีสารอาหารและแคลเซียมเพียงพอ และหมั่นออกกำลังกาย จะทำให้กระดูกแข็งแรง ทั้งนี้ต้องควบคุมน้ำหนักตัวด้วย

วัยไหนก็ไม่เหมาะที่จะใส่ โดยเฉพาะเด็ก และสตรีมีครรภ์ ใส่ส้นสูงให้ปลอดภัย ใส่ไม่เกิน 2 นิ้ว เลือกชนิดที่มีสายรัดบนหลังเท้า และพื้นรองเท้ากว้างรับกับแผ่นเท้าทั้งหมด วัสดุที่รองเท้าต้องนุ่ม ช่วงเวลาที่ใส่ให้สั้นที่สุด และต้องออกกำลังกายยืดเส้นเอ็นร้อยหวาย และกล้ามเนื้อน่อง

กรณีเกิดการบาดเจ็บของข้อเท้า ให้ใช้ความเย็น ซึ่งอาจจะเป็นถุงน้ำแข็ง ประคบไว้ประมาณ 20-30 นาที ขณะเดียวกันให้ยกขาสูง และลดการใช้งาน สามารถประคบได้บ่อย ๆ 4-5 ครั้งต่อวัน หรือทุก 2 ชั่วโมง ในวันแรกที่ได้รับบาดเจ็บ ควรประคบต่ออีก 2-3 วัน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นความร้อน แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรือกลับแย่ลง ให้ไปปรึกษาแพทย์ครับ ข้อสำคัญ คือ ห้ามนวด หรือห้ามดัดบิดข้อเท้า

from kapook.com

วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

วิธีดูแลรอบดวงตา เมื่อใต้ตาหมองคล้ำ

นำช้อนกาแฟที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวัน นำไปจุ่มในถ้วยกาแฟ และนำไปแช่ในช่องฟิตของตู้เย็น จากนั้นทิ้งช้อนไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วจึงนำออกมา ครอบไว้ที่ดวงตาทั้ง 2 ข้างจนหมดความเย็น ทำทุกวันหลังล้างหน้าเสร็จ แล้วดวงตาที่หมองคล้ำของคุณก็จะสดใสไร้ความหมองคล้ำ

วิธีนวดใต้บริหารรอบดวงตา

ใช้ปลายนิ้วกลางและนาง ยืดคิ้วออกด้านข้าง 3 ครั้ง ใช้นิ้วกลางของทั้งสองข้างหมุนวนรอบดวงตาพร้อม ๆ กัน โดยวนตามเข็มนาฬิกา และทุกครั้งให้หยุดกดบริเวณหัวคิ้ว ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ จำนวน 4-6 รอบ ใช้นิ้วกลางกดจุดไล่ตั้งแต่หัวคิ้วถึงขมับ จำนวน 3 รอบ กดจุดไล่ลงมาที่บริเวณใต้ตา ไล่ตั้งแต่หัวตาถึงหางตา 3 รอบ ใช้นิ้วหลางนวดที่บริเวณขมับ หมุนเป็นรูปเลขแปด ทำซ้ำ อีก 6 รอบ จากนั้นทำตามขั้นตอนข้างต้น ทั้งหมด อีก 3 รอบ จากนั้นนำมือทั้งสองปิดที่ดวงตา ลากน้ำหนักที่ปลายนิ้วออกไปที่ด้านข้างกรอบหน้า แล้วจึงค่อย ๆ ยกฝ่ามือออกจากหน้า

from kapook.com

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เลือกทรงผมให้เข้ากับรูปร่าง

เลือกทรงผมใช่ว่าจะดูที่โครงหน้าอย่างเดียวนะคะ ต้องดูที่รูปร่างของเราด้วยว่าเหมาะกับทรงผมทรงไหน วันนี้เราเอาเคล็ดลับการเลือกทรงผมให้เข้ากับรูปร่างมาฝากสาว ๆ กันค่ะ

สาวผอมสูง

ทรงผมที่เหมาะคือผมยาวค่ะ หรือหากชอบผมสั้นก็ได้เช่นกัน แต่ความยาวควรอยู่ระดับคาง หากสั้นมากไปกว่านี้จะทำให้คุณดูเป็นคนที่หัวเล็กคอยาว ผมยาวเวิร์คกว่าค่ะ อาจจะดัดเล็กน้อยก็ดูสวยค่ะ

สาวร่างเล็ก

ควรไว้ผมยาวพอประมาณ ไม่ควรยาวมากเกินไปค่ะ หากอยากไว้ผมสั้นก็ควรจะเป็นผมสั้นอย่างผมบ๊อบ แต่ควรเป็นบ๊อบแบบเก๋ ๆ เพราะไม่อย่างนั้น คุณอาจจะกลายเป็นนักเรียนประถมได้ค่ะ

สาวหน้าอกใหญ่

ผมยาวดัดเล็กน้อยปลายสยาย เหมาะสมที่สุดค่ะ เพราะจะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากหน้าอกไปได้มากเลยค่ะ เพราะหาคุณไว้ผมยาวตรงจะดูธรรมดา คนก็จะสนใจหน้าอกของคุณมากกว่า เพราะฉะนั้น ผมยาวดัดดีที่สุดค่ะ

from kapook.com

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

แก้ปัญหาผมบางด้วยอาหาร

เมื่อวัยร่วงโรย ผมก็ร่วงตาม ที่เคยดกดำ บ้างก็เปลี่ยนเป็นสีขาว บ้างก็อำลาหนังศีรษะตลอดกาล เอาแต่โอดโอยอาวรณ์ ผมก็ไม่กลับมา ทิ้งให้หนังศีรษะต้องโดดเดี่ยวเอกา แต่มีหรือที่คนรักสุขภาพอย่างเราจะนิ่งดูดาย มาหาของกินเรียกผมคืนกันดีกว่าค่ะ ของกินที่ว่าได้แก่


กินเมล็ดฟักทอง ถั่วต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งรวมของสังกะสี
แตงกวา และ โอ๊ต เพื่อให้ได้รับซิลิกา อย่างเพียงพอ
สาหร่ายทะเลแห้ง เต้าหู้ พาสลี่ งา และเมล็ดทานตะวันเพื่อให้ได้ธาตุเหล็ก
ปลา แหล่งรวมโปรตีน และกรดโอเมก้า 3
ข้าวกล้องและธัญพืช เสริมวิตามิน บี
ผักใบเขียวเพื่อให้ได้โฟลิกแอซิด

from kapook.com

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ทาครีมแล้ว นวดหน้าด้วยสิ ผิวดีขึ้นเห็นๆ

ในเมื่อเราทาครีมบำรุงผิวหน้ากันอยู่ทุกวัน จะดีสักแค่ไหนนะ ถ้าเป็นการทาไปนวดผิวไป ครีมจะได้ซึมลงสู่ผิวดีขึ้น และยังช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลือง ออกกำลังผิวให้แข็งแรงขึ้นไปพร้อมๆ กันด้วย

ก่อนอื่น เราเคยสงสัยไหมว่า การทาครีมยังไงกันนะที่จะทำให้ครีมลงสู่ผิวได้ดี สกินแคร์บางยี่ห้อบอกเราว่า ทาแบบซับๆ กดเบาๆ ก็พอ บ้างก็บอกว่าทาวนเป็นวงกลมไล่ขึ้นไป นานาไอเดียที่ไม่รู้จะเชื่อใครนี้ คุณหมอแนวทางธรรมชาติอย่างคุณหมอกอบกาญจน์ ไพบูลศิลป แห่งศูนย์บัลวี และนักเขียนเว็บไซต์ sabai-arom.com ในคอลัมน์ Green Beauty Guide แนะนำไว้น่าสนใจทีเดียวว่า

"ก่อนลงครีม อย่างแรกเลยต้องดูว่าใบหน้าเราสะอาดหรือเปล่า ต้องไม่มีเครื่องสำอางตกค้าง ไม่เช่นนั้นแล้ว เครื่องสำอางที่มาจากสารเคมีอาจจะซึมลงไป ซึ่งอาจทำให้ผิวเราระคายเคือง หรือทำปฏิกิริยากับครีมนั้นได้

จะว่าไปแล้ว เทคนิคการทาครีม ไม่ว่าการตบหรือการกดซับนั้นไม่ได้ต่างกันมาก เป็นการสร้างซิกเนเจอร์ของแบรนด์มากกว่า สำคัญที่ว่า เราทาได้ทั่วและลงน้ำหนักมือพอดีหรือเปล่า ทาให้ทั่วก็คือแต้มครีมสักห้าจุดบนใบหน้า คือหน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูกและคาง แล้วเกลี่ยให้ทั่ว จากนั้นนวดหน้าเบาๆ ซึ่งยังเป็นการไล่น้ำเหลือง ที่ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองดีขึ้นด้วย ลองสังเกตดูสิคะว่าบางวันเราตื่นมาหน้าแล้วหน้าบวมๆ นั่นก็เพราะการไหลเวียนน้ำเหลืองไม่ดี ซึ่งการนวดกระตุ้นนี่เองที่ช่วยได้

ส่วนที่เขาบอกกันว่าให้ใช้นิ้วนางหรือนิ้วกลาง อาจเป็นเพราะสองนิ้วนี้เราใช้กันไม่ถนัด จึงทำให้ลงน้ำหนักได้เบามือ แต่จริงๆ แล้วเราใช้นิ้วใดก็ได้ค่ะ เพียงแค่ลงน้ำหนักเบาๆ คล้ายๆ กับตอนที่เราเอาสำลีไปเช็ดหน้า แต่ไม่ต้องกด ไม่ต้องออกแรงมากนั่นเอง"

แล้วถ้าได้ทาครีมไป นวดหน้าไปด้วยล่ะ
เป็นเรื่องดีแน่ เพราะคุณหมอก็เห็นด้วยว่าการนวดนั้นดีกับเราจริงๆ อย่างคนสมัยก่อนก็เอาเทคนิคการนวดนี่ละ มาเป็นผู้ช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ระบายของเสีย และยังกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานดีไปในตัว ผิวหน้าจึงแข็งแรง สดใส เปล่งปลั่งขึ้นได้หากเรานวดบ่อยๆ ว่าแล้วทาครีมบำรุงผิวคราวหน้า ลองพก 8 ขั้นของการนวดหน้าแบบนี้ไปใช้ดู

Step 1: ล้างมือให้สะอาด งานนี้นิ้วมือเท่านั้นที่จะนวดผิวหน้า
Step 2: ทาครีมที่เหมาะกับสภาพผิวในช่วงเวลานั้นๆ เช่น หากเวลานั้นหน้าแห้งมาก ก็ควรเป็นครีมเนื้อเข้มข้น เป็นต้น จากนั้น แต้มครีมลงบนใบหน้า 5 จุด คือ หน้าผาก แก้มทั้งสองข้าง จมูก และคาง
Step 3: ทาครีมที่แต้มไว้ให้ทั่วใบหน้า จากนั้นเริ่มนวดโดยใช้นิ้วชี้แต่ละข้างกดไปที่หัวคิ้วทั้งสอง แล้วค่อยๆ ไล่วนตรงขึ้นไปถึงไรผม แล้วไล่กดตามแนวไรผมลงมาในแต่ละข้างจนถึงขมับ ทำอย่างนี้ซ้ำอีก 3 - 4 ครั้ง
Step 4: ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางแต่ละข้างนวดขมับซ้ายขวา วนเป็นวงกลม จากนั้นนวดวนไล่ตามไรผมผ่านกรามลงมาจนถึงคาง
Step 5: ใช้นิวชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง แตะตรงปลายจมูกแต่ละข้าง จากนั้นลูบออกไปจนถึงขมับ ทำซ้ำอีก 2 ครั้งและไล่ระดับต่ำลงเรื่อยๆ จนถึงระดับคาง
Step 6: นวดวนรอบดวงตากันบ้าง เริ่มจากใช้นิ้วนางแตะที่ขมับ จากนั้นลากลงเบาๆ จนโค้งไปทางหัวตา จนนิ้วไปหยุดที่หัวคิ้ว ทำซ้ำอย่างนี้อีก 4 -5 ครั้ง
Step 7: นวดใบหูสักหน่อย ด้วยการใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้นวดติ่งหูเบาๆ จากนั้นค่อยๆ บีบไล่ขึ้นไปเบา ๆ จนถึงใบหูด้านบน แล้วไล่ลงมาอีกครั้ง ทำซ้ำสัก 4 - 5 รอบ
Step 8: ถูฝ่ามือเบาๆ จนรู้สึกอุ่น จากนั้นนำฝ่ามือมาอังรอบดวงตาให้รู้สึกผ่อนคลายสักครู่ เท่านี้ก็รู้สึกสบายหน้าและสบายผิวไม่น้อยแล้ว

from sanook.com

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

กินยาระบายทุกวันเป็นอันตรายหรือเปล่า

โครงการ “ล้านคำถามเรื่องยา ปรึกษาเภสัชกร” โดยความร่วมมือของสภาเภสัชกรรม กับ อย.

ยาระบายในที่นี้คงหมายถึง “ยาเม็ดเคลือบสีเหลือง” และยาอื่นที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ซึ่งเป็นยาที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย และมีการใช้กันเป็นประจำเมื่อต้องการถ่ายอุจจาระ

เมื่อมีการใช้ยานี้เป็นประจำ ร่างกายจะมีการปรับตัวด้วยการดื้อยาหรือต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้นๆ เรื่อยๆ จึงจะได้ผล เช่น ในกรณีที่เริ่มต้นใช้ยาระบายชนิดนี้โดยทั่วไปจะใช้ครั้งละ 1-2 เม็ด ก่อนนอน แล้วยาจะเริ่มออกฤทธิ์ช่วยให้ถ่ายอุจจาระในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่เมื่อมีการใช้เป็นประจำ ติดต่อกันนานๆ จากครั้งละ 2 เม็ด ก็ต้องเพิ่มเป็น 3, 4, 5, ……และเพิ่มมากขึ้นๆ ตามความถี่และระยะเวลาที่ใช้ยา จากประสบการณ์ของผมเคยพบรายหนึ่งที่ใช้ยาระบายครั้งละ 20 เม็ดเพื่อใช้ระบายหรือถ่ายอุจจาระ 1 ครั้ง เพราะถ้าไม่ใช้ยา ร่างกายจะไม่ถ่ายอุจจาระด้วยตนเองตามปกติ จะต้องใช้ยาระบายกระตุ้นทุกครั้งจึงจะถ่ายอุจจาระได้

ปัญหาหลักๆ ของผู้ใช้ยากลุ่มนี้ คือ มักมีความเชื่อว่า

“ควรถ่ายอุจจาระทุกวันเป็นประจำ” เพราะว่าถ้าไม่ได้ถ่ายทุกวันตอนเช้า จะรู้สึกผิดปกติ หรือในบางคนบ่นว่ารู้สึกท้องอืด ท้องเฟ้อ และผายลมบ่อย ด้วยเหตุนี้จึงมีการกินยาระบายอย่างประจำทุกวันก่อนนอน

แต่ในทางการแพทย์พบว่า

ความถี่บ่อยของการถ่ายอุจจาระขึ้นอยู่กับลักษณะจำเพาะของแต่ละบุคคล ในบางคนอาจถ่ายอุจจาระทุกวัน แต่ในบางคนวันเว้นวัน หรือวันเว้นสองวัน ขึ้นอยู่กับลักษณะของแต่ละคน ไม่จำเป็นที่ทุกคนจะต้องถ่ายทุกวันเหมือนกันหมด นอกจากนี้การถ่ายอุจจาระยังขึ้นอยู่กับลักษณะของอาหารการกิน ปริมาณน้ำที่ดื่ม และการออกกำลังกายอีกด้วย

อาหารที่มีเส้นใยไม่ถูกย่อยในทางเดินอาหาร จะเหลือเป็นกากอาหารและยังคงช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ใหญ่ไว้ เป็นการช่วยเพิ่มปริมาณและเพิ่มความเหลวของอุจจาระได้ดีอีกด้วย

ถ้าดื่มมากๆ (มากกว่า 2 ลิตรต่อวัน) ช่วยให้อุจจาระอุ้มน้ำ พองตัว เหลว ไม่แข็ง และถ่ายได้ง่าย

ส่วนเรื่องการออกกำลังกายนั้น การเคลื่อนไหวเบาๆ ตอนเช้า เช่น การเดิน ก็ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่ให้ขับถ่ายอุจจาระออกมาได้ง่ายอีกทางหนึ่งด้วย

การใช้ยาระบายบางชนิดเป็นประจำ อาจทำให้เกิดการดื้อยา และต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ร่างกายเคยชินไม่ยอมถ่ายอุจจาระด้วยตนเอง และไม่ควรยึดถือความเชื่อที่ว่า “ทุกคนควรถ่ายอุจจาระทุกวัน

from sanook.com

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

รู้ทันปัญหาผม

ผม หมายถึงเส้นผมที่อยู่บนหนังศีรษะ มีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสียความร้อน และผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิกลักษณะของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อจิตใจของคน ใครที่พบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมหงอก อาจก่อให้เกิดปัญหาทางใจ เช่น ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้

สาเหตุของปัญหาผม

...ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้...

แชมพู

ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผม คือสิ่งใกล้ตัวท่านแต่ถูกมองข้าม นั่นคือ แชมพูที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ แม้บางท่านจะบอกว่าท่านเปลี่ยนยี่ห้อไปอยู่เรื่อย ๆ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า สารทำความสะอาดที่ถูกผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ (แม้ในแชมพูที่ผสมสมุนไพรและอ้างว่าจากธรรมชาติ) ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงและมีความเป็นด่างสูง เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate; SLS) ซึ่งให้ฟองได้มาก ราคาถูก จึงเป็นที่นิยม ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย เช่นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตกค้างสะสมและทำลายเซลล์ผม (รวมถึงรากผม เซลล์สร้างเม็ดสี และเส้นผม) และเซลล์ผิวหนัง เมื่อใช้บ่อย ๆ จะยิ่งกระด้าง แห้งแข็งเป็นไม้กวาด เริ่มหวีไม่อยู่ทรง และทำให้หนังศีรษะมันมากขึ้น เนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารชะล้างอย่างรุนแรง และจะชะล้างไขมันตามธรรมชาติ(ที่ช่วยเคลือบให้ผมมันเงา) จึงทำให้ร่างกายต้องขับไขมันออกมาชดเชยมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของคนที่หนังศีรษะมัน ยิ่งสระผมหนังศีรษะก็ยิ่งมัน บางรายเกิดการระคายเคืองเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้า ทำให้เกิดเป็นรังแค แต่ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ซื้อแชมพูขจัดรังแคมาใช้ ซึ่งแชมพูประเภทนี้นอกจากจะมีสาร SLS แล้วยังผสมสารยับยั้งการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติของเซลล์ชั้นหนังกำพร้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อหยุดใช้อาการที่เป็นก็กลับมาเป็นอีก ทำให้เซลล์ผิวต้องสัมผัสกับสารเคมี และถูกกดการทำงานอยู่ตลอด ทำให้เป็นรังแคเรื้อรัง

ครีมนวดผม/ทรีทเม้นท์หมักผม

สำหรับผู้ที่ชอบให้ผมนิ่มลื่น อาจยังไม่รู้ถึงพิษภัยจากสารกลุ่มซิลิโคน (มักมีชื่อลงท้ายด้วย "thicone") เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone) ไดเอทธิโคน (Diethicone) หรืออื่น ๆ เป็นสารเคลือบเส้นผมทำให้ผมนิ่มลื่น เป็นมันวาว มีสปริง หวีง่าย แต่จะตกค้างเคลือบรูเส้นผม เมื่อใช้ต่อเนื่องนาน ๆ จะเกิดการสะสมอุดตันรูเส้นผม ทำให้เซลล์ผมทำงานผิดปกติ การขับของเสีย การดูดซึมสารอาหารลดลง และทำให้ผมร่วง เมื่อใช้ในระยะยาว

ที่เลี่ยงยากคือ สารเพิ่มฟอง เพิ่มความข้น ตัวฉกาจที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คือ DEA (ไดเอทธานอลาไมด์) ซึ่งเกรงกันว่าอาจก่อมะเร็ง จนในบางประเทศต้องให้ยกเลิกการใช้ สารอีกกลุ่มที่อาจก่อให้เกิดการแพ้จากการใช้เป็นประจำ แต่คนก็ชอบใช้คือ กลิ่นสังเคราะห์หอม ๆ สีสังเคราะห์สวย ๆ และลาโนลิน (Lanolin)

Demodex ไรขนที่คุณอาจไม่รู้

อีกสาเหตุหนึ่งที่คุณอาจไม่รู้คือ ไรขน (Demodex) ซึ่งติดต่อโดยการสัมผัส ตัวไรแพร่พันธุ์ อาศัยอยู่และแย่งกินสารอาหารที่รากผมทำให้ผมขาดสารอาหาร ผมจึงมี ขนาดเล็ก บางลง สีจางลง ขาดความมีชีวิตชีวา และหงอก นอกจากนั้นยังอาจทำลายโครงสร้างของเซลผม ทำให้ผมร่วง หรือ หงิกงอ

เมื่อตัวไรคืบคลานไปบนหนังศีรษะหรือผิว โดยเฉพาะเวลากลางคืนจะทำให้ท่านที่มีประสาทไว (Sensitive) รู้สึกคันยิบ ๆ ขณะเดินทางมันจะปล่อยของเสีย และทิ้งคราบที่ลอกออกมา ทำให้เกิดขยะบนหนังศีรษะ หรือผิวหนังของเรา ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรีย ไวรัส และริกเก็ทเซียที่เกาะอยู่ตามข้อต่อเล็ก ๆ ของขาตัวไร จึงก่อให้เกิดการติดเชื้ออักเสบเป็น สิว หรือ ตุ่มแดง บนหนังศีรษะ และที่สำคัญ หากร่างกายเกิดการต่อต้านของเสียที่ตัวไรขับออกมา และซากตัวไรที่ตาย ทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ (Sensitization) เช่น แพ้เครื่องสำอาง สบู่ หรือแม้แต่เหงื่อของตัวเอง

และเนื่องจากที่ขาของตัวไรมีเล็บแหลมคมสำหรับเกี่ยว จึงทำให้ผิวหนังเกิดการ ระคายเคืองและมีปฏิกิริยาโต้ตอบ โดยการสร้างผนังเซลผิวชั้นนอกขึ้นอย่างรวดเร็ว (Proliferation of Epithelium) ทำให้ผนังเซลล์พอกหนาและหลุดร่อนออกมาเร็วกว่าปกติเกิดเป็น รังแค ขุย หรือ สะเก็ด บนหนังศีรษะ

from kapook.com

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

แก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชีวิตคู่ 10 ประการ

คิดว่าสัมพันธภาพของคุณล้มเหลว เพราะคุณและคู่ของคุณทำไม่ได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็นงั้นหรือ?

ผู้เชี่ยวชาญได้มาแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชีวิตคู่ 10 อย่างที่พบกับบ่อย ๆ ซึ่งคุณควรเชื่อเสียใหม่

สัมพันธภาพที่ดีขึ้นอยู่กับความคิดที่เหมือนกัน

คุณจะไม่มีวันเห็นในสิ่งเดียวกับคู่ของคุณ เพราะคุณสองคนเป็นคนละคนกันโดยสิ้นเชิง และหญิงชายก็ถูกสร้างมาต่างกัน การพยายามที่จะทำให้มุมมองที่แตกต่างกันโดยพื้นฐานเช่นนี้เปลี่ยนไปเป็น เรื่องไม่ปกติ และอาจเป็นอันตรายได้ ฉะนั้น ชื่นชมยินดีกับความแตกต่างของคุณซะ

สัมพันธภาพที่ดีต้องการความโรแมนติกอย่างมาก

ใช่แล้ว ชีวิตรักของคุณควรมีความโรแมนติก แต่อย่าคาดหวังที่จะโรแมนติกเหมือนในหนังซึ่งไม่สมจริง ในโลกแห่งความเป็นจริง การอยู่กับคนรักไม่เหมือนกับการตกหลุมรัก การตกหลุมรักเป็นเพียงขั้นแรกของชีวิตรัก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในภาวะนี้ไปตลอด ความปั่นป่วนรัญจวนใจจะเปลี่ยนไปเป็นรักที่มั่นคงและล้ำลึก อย่าทำผิดพลาดด้วยการคิดว่า เมื่อความดูดดื่มจางไป แปลว่าคุณไม่ได้รักกันอีกต่อไป คำตอบไม่ใช่การเริ่มชีวิตรักครั้งใหม่ เพื่อที่คุณจะได้พบกับความรู้สึกปั่นป่วนรัญจวนใจเช่นนั้นอีกกับคนอื่น คำตอบก็คือการเรียนรู้วิธีการที่จะก้าวไปยังขั้นต่อไปของชีวิตรัก เพื่อประสบการณ์ที่แตกต่างแต่เต็มอิ่มกว่า

สัมพันธภาพที่ดีต้องแก้ปัญหากันได้ทุกเรื่อง

มันอาจมีหลายอย่างที่คุณกับคู่ของคุณไม่เห็นพ้องต้องกัน และก็จะไม่เห็นพ้องกันไปอย่างนั้นเรื่อยไป ทำไมคุณถึงแก้ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้เสียทีน่ะหรือ? ก็เพราะการจะทำเช่นนั้นได้ คุณคนใดคนหนึ่งอาจต้องเสียสละความเชื่อและค่า นิยมบางอย่าง แต่คุณสามารถที่จะเห็นไม่ตรงกัน แต่ปิดประเด็นทางอารมณ์ลงได้ ถึงแม้จะแก้ปัญหาไม่ได้ก็ตาม

สัมพันธภาพที่ดีต้องมีความสนใจร่วมกันที่จะผูกพันคุณไว้ตลอดกาล

ไม่มีอะไรผิดเลยที่จะเป็นคู่รักกัน แต่ไม่มีความสนใจหรือกิจกรรมร่วมกัน ถ้าคุณและคู่รักของคุณต้องผลักดันตัวเองเพื่อที่จะทำกิจกรรมร่วมกัน แต่ผลที่ได้ก็คือความเครียดและความขัดแย้ง ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนทำ

สัมพันธภาพที่ดีต้องสงบสุข

อย่ากลัวที่จะทะเลาะกัน เพราะคุณคิดว่ามันเป็นสัญญาณของความอ่อนแอและการแตกร้าว แม้แต่คู่รักที่เข้ากันได้ดีที่สุดก็ยังทะเลาะกัน ถ้าใช้มันอย่างถูกวิธี การทะเลาะกันสามารถช่วยสัมพันธภาพของคุณได้ แทนที่จะว่าคุณทะเลาะกันกี่ครั้งแล้ว วิตกในเรื่องที่คุณทะเลาะกันดีกว่า

ในสัมพันธภาพที่ดีคุณต้องสามารถระบายอารมณ์ได้ทุกอย่าง

การปลดปล่อยสิ่งต่าง ๆ ออกจากอกอาจรู้สึกดี แต่การระเบิดอารมณ์ในช่วงอารมณ์รุนแรง อาจทำลายสัมพันธภาพของคุณได้ เมื่อฝ่ายหนึ่งไม่อาจให้อภัยในบางอย่าง ที่อีกฝ่ายพูดออกมาในช่วงของการระเบิดอารมณ์ ก่อนที่คุณจะพูดอะไรบางอย่างที่อาจทำให้เสียใจ กัดลิ้นเอาไว้ก่อน และให้โอกาสตัวเองสักหน่อยเพื่อพิจารณาว่าคุณรู้สึกอย่างไรจริง ๆ ก่อนจะพูดอะไรออกไป

สัมพันธภาพที่ดีไม่เกี่ยวอะไรกับเซ็กซ์

ความเชื่อที่ว่าเซ็กซ์ไม่สำคัญเป็นเรื่องอันตราย และเป็นความเชื่อผิด ๆ เซ็กซ์ช่วยปลดปล่อยความกดดันจากชีวิตประจำวัน และให้เราได้พบกับประสบการณ์ของความใกล้ชิด และการแบ่งปันกับคู่ของเรา เซ็กซ์อาจไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ถ้าเซ็กซ์ไม่อิ่มเอม มันจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ยักษ์ ในอีกทางหนึ่ง คู่รักที่มีชีวิตเซ็กซ์ที่สุขสม จะให้ความสำคัญของเซ็กซ์เพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง

สัมพันธภาพจะไม่สามารถอยู่รอดได้ ถ้าคู่ของคุณมีนิสัยแปลกกว่าคนอื่น

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ตราบเท่าที่ความแปลกประหลาดของคู่ของคุณ ไม่ใช่การทำร้ายหรือทำลายกัน คุณก็สามารถที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่กับเขาได้ ลองนึกถึงคุณสมบัติที่ดึงดูดคุณในตอนแรก บางทีความแปลกประหลาดเหล่านี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ของเขาก็ได้ แค่ต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างนิสัยแปลกๆ กับคนที่มีนิสัยบ่อนทำลายหรือทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะนี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่คุณควรเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วย

มันมีวิธีที่ถูกต้องและวิธีที่ผิดในการดำเนินชีวิตคู่

ไม่มีคำจำกัดความที่แน่นอนของวิธีที่ถูกต้อง ทั้งการเป็นคู่รักที่ดี หรือในการรับมือกับความท้าทายที่ถูกโยนเข้ามาหาคุณ ทำในสิ่งที่ได้ผลสำหรับคุณ แทนการทำตามมาตรฐานบางอย่างที่คุณอาจอ่านเจอในหนังสือ หรือได้ยินจากเพื่อนผู้หวังดี ถ้าสิ่งที่คุณและคู่ของคุณกำลังทำให้ผลที่คุณต้องการ ก็ทำต่อไป จำไว้ว่าไม่มีวิธีการที่ "ถูกต้อง" สำหรับใครสักคนที่จะรักคุณ

สัมพันธภาพของคุณจะดีได้ เมื่อคุณเปลี่ยนแปลงคู่ของคุณได้

อย่าเชื่อว่าถ้าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงคู่ของคุณได้ สัมพันธภาพของคุณจะดีขึ้น คุณเองก็มีส่วนรับผิดอบในสัมพันธภาพนี้ด้วยเช่นกัน เลิกคิดแบบเด็ก ๆ ที่ว่าการมีความรัก หมายถึงการพบใครสักคนที่จะรับผิดชอบต่อความสุขของคุณ คุณต้องรับผิดชอบต่อความสุขของคุณเองด้วย และถ้าสัมพันธภาพของคุณไม่ดีพอ บางทีคนที่ต้องเปลี่ยนอาจเป็นคุณก็ได้



from kapook.com